ข้าพระบาททาสประชาชน : ความห่วงใย ที่ประเทศนี้ควรรับฟัง

24 ม.ค. 2562 | 10:34 น.
 
ห่วงใย-001

ห่วงใย-002 วันนี้ขอพูดถึงเรื่องของประเทศชาติบ้านเมืองด้วยคนครับ ผมได้รับบทความจาก คุณพิภพ ธงไชย ที่เขียนในโอกาสวันเกิดของลูกชายคนเล็กของท่าน ซึ่งได้ส่งมาให้ผมได้อ่าน คงมีนัยว่าบ้านเมืองของเราในอนาคต ซึ่งคนรุ่นลูกรุ่นหลานจะได้อยู่และเห็น จะมีสภาพทางสังคมอย่างไร หากบ้านเมืองยังก้าวเดินไปในทิศทางอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน

มุมคิดมุมมองของชายวัยเข้าเลข 7 ที่ผ่านโลกผ่านชีวิตและประสบการณ์ทางสังคม การเมือง ทำงานเพื่อสังคม และอื่นๆ ในหลากหลายมิติ ด้วยการสัมผัสจริงปฏิบัติจริงด้วยตนเอง พร้อมศึกษาเรียนรู้จากชีวิตจริง เพื่อสรุปบทเรียนและมองไปยังอนาคตข้างหน้า อย่างมีสติและใช้ปัญญาเช่นนี้ จึงน่ารับฟังอย่างยิ่ง สำหรับพี่น้องร่วมแผ่นดินว่า บ้านเมืองของเราข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เราจะอยู่และเตรียมรับมือกับมันอย่างไร ผมจึงได้ขออนุญาต คุณพิภพ ธงไชย นำมาลงเผยแพร่ต่อในหน้าบทความของผม อยากให้ผู้อ่านได้อ่านและพิจารณา คุณพิภพ ธงไชย เขียนไว้ดังนี้ครับ

[caption id="attachment_379152" align="aligncenter" width="650"] พิภพ ธงไชย พิภพ ธงไชย[/caption]

“การเมืองที่เริ่มต้นใหม่”

87 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครองสยามประเทศ ที่เริ่มต้นด้วยการรัฐประหารเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 และมีการรัฐประหารหลังจากนั้นตามมาถึง 13 ครั้ง สลับกับการมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ทำให้ไม่มีการต่อเนื่องของการมีรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย

กระบวนการเรียนรู้ของประชาชน จึงเป็นการเรียนรู้จากการต่อสู้เผด็จการทหาร เผด็จการรัฐสภา และการต่อสู้กับการใช้อำนาจทางการเมืองทุจริตคอร์รัปชันทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน และพัฒนามาสู้กับกลุ่มทุนที่เข้าไปทำมาหากินกับกลุ่มการเมือง และกลุ่มทหาร
การเมือง หลายคนในยุค 2510 โตมากับขบวนการเคลื่อนไหวของประชาชน และอุดมการณ์ทางการเมืองสังคมนิยม ที่ยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

ในขณะเดียวกันคนในยุคปี 2510 ได้ผสมผสานกับคนยุคปี 2500 ที่เริ่มต้นชีวิตสมัยเผด็จการทหารจอมพลสฤษดิ์ ที่ต่อมาจาก จอมพล ป. แล้วคน 2 ยุคมาบรรจบพบกันที่บั้นปลายสมัยจอมพลถนอม ที่ร่วมกันเปิดฟ้าหน้าใหม่ให้กับสังคมยุค 14 ตุลาคม 2516 จนผ่านมาถึงสังคมยุค 2540 ที่ได้ รธน.ฉบับประชาชน ซึ่งเสมือนหนึ่งฟ้าเปิดให้เกิดแสงทองผ่องอำไพ แต่ฟ้าต้องหม่นเพราะเข้าสู่ยุคทักษิณ ซึ่งเป็นยุคเผด็จการรัฐสภา และหม่นหมองลงไปอีกเมื่อเข้าสู่ยุค คสช.

นี่เป็นการเข้าสู่การต่อสู้ครั้งใหม่ระหว่าง “เผด็จการรัฐสภากับเผด็จการทหาร”

เป็นการต่อสู้ที่ทุกฝ่ายผ่านประสบการณ์ ผ่านการเรียนรู้ทางการเมืองมาอย่างโชกโชน

เราจะผ่านกันไปได้ไหม ในขณะที่มีการคิดต่าง จนเกิดการแตกแยกทางความคิดทางการเมืองที่ไม่สามารถผสมผสานกันได้ อย่างน้อยในช่วง 10 ปีข้างหน้านี้

[caption id="attachment_378913" align="aligncenter" width="500"] ข้าพระบาททาสประชาชน : ความห่วงใย ที่ประเทศนี้ควรรับฟัง เพิ่มเพื่อน [/caption]

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ปี 2560 จึงออกแบบให้เกิดการผสมผสานทางการเมืองใหม่ และถูกกำกับโดย “รัฐราชการ” ไม่เป็นการเมืองแบบรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่มีรัฐบาลเสียงข้างมากรัฐบาลเดียว และที่สำคัญมีการเปลี่ยนแปลงฐานของระบบอำนาจใหม่ ในจังหวะที่มาบรรจบกันพอดี

ความพอดีนี้ จะทำให้เกิดมิติทางการเมืองใหม่ มิติทางวัฒนธรรม ที่ไม่เหมือนเดิม ในขณะที่โลกเคลื่อนตัวเข้าสู่ระบบดิจิตอล มากำหนดการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนกันใหม่ “บนถนนสายดิจิตอล” ไม่ใช่ “ถนนลาดยางมะตอย”

โลกหลังปี 2560 ประเทศไทยจะเกิดการเปลี่ยนใหม่ในช่วง 10 ปีต่อไปข้างหน้าอย่างแน่นอน

นี่คือการเริ่มต้นศักราชใหม่ ในพุทธศักราช 2562 ที่ทำให้เกิดการคิดใหม่ และการเคลื่อนตัวใหม่ทุกมิติ

ฟ้าจะสีทองผ่องอำไพ ทำให้เกิดการลดช่องว่างของความไม่เท่าเทียมกันหรือไม่ ให้คอยดูกัน แต่ต้องเป็นการเฝ้าดูแบบมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน

มิฉะนั้นฟ้าจะหม่นหมองลง ไปอีกครั้งหนึ่ง และความเหลื่อมลํ้าทางชนชั้นจะยิ่งถ่างห่างออกไปอีก
รัฐสภา-01 ถือเป็นมุมมอง มุมคิด อันเป็นความจริงของบ้านเมืองจนยากที่จะปฏิเสธ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความห่วงใยต่อบ้านเมือง ผู้เขียนก็มีความรู้สึกห่วงใยเป็นกังวลต่อสภาพบ้านเมืองในวันนี้และในอนาคตมิแตกต่างกัน เพราะสภาพบ้านเมืองยามนี้เหมือนครอบครัวที่ขาดพ่อ ขาดผู้เป็นเสาหลักของบ้าน บ้านเมือง หรือสภาพทางการเมือง การปกครอง ดูเหมือนไม่มีใครที่อยู่ในฐานะเป็นผู้นำประเทศ ที่ผู้คนในชาติให้ความเคารพรักและยอมรับนับถือ

เมื่อคำพูดหรือกระทำการใดๆ ของผู้นำประเทศ คนในชาติไม่ให้ความเคารพเกรงใจ เชื่อฟัง สภาพบ้านเมืองเสมือนอยู่ในภาวะที่ไม่มีใครไว้วางใจใคร ต่างคนต่างมีบาดแผลของความไม่ซื่อสัตย์สุจริตหรือใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ตนและพวกพ้อง

และนักการเมือง แต่ละพรรค แต่ละคน หรือผู้ปกครองประเทศ ต่างกลายมาเป็นคู่ขัดแย้งแย่งชิงอำนาจ ต่างฝ่ายต่างไม่ฟังกัน โจมตีสาดโคลนใส่กันให้เห็นในแต่ละวัน ทั้งที่การเลือกตั้งยังไม่เริ่ม ความห่วงใยว่าการเมืองข้างหน้า จะกลายเป็นการสู้กันระหว่าง “เผด็จการทหาร กับเผด็จการรัฐสภา” จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับประเทศไทย ที่ต้องอยู่ในโลกแห่งอนาคตที่กำลังเปลี่ยนแปลง

จึงหวังว่า เสียงแห่งความห่วงใยนี้ คนในประเทศคงจะได้ยินและรับฟังบ้าง ผู้นำประเทศควรจะได้นำมาพิจารณารับฟังบ้างเพื่อเราจะได้หาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ให้กับประเทศอันเป็นที่รักของเรา

| คอลัมน์ : ข้าพระบาท ทาสประชาชน
| โดย : ประพันธุ์ คูณมี
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3438 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 24-26 ม.ค. 2562
595959859