ครํ่าหวอดอยู่ในวงการรถยนต์นำเข้ามากว่า 40 ปีแล้ว สำหรับชื่อของ
"บีอาร์จี กรุ๊ป" จากจุดเริ่มต้นในยุคของ
"สมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส" ที่นั่งเก้าอี้ประธานกรรมการบริหารบริษัท จวบจนยุคปัจจุบัน เริ่มผ่องถ่ายงานด้านต่าง ๆ ให้ทายาทสาวทั้ง 2 คน และวันนี้
"ฐานยานยนต์" มีโอกาสสัมภาษณ์ 1 ในทายาท อย่าง "ชลลธร ศรีรัตนประภาส" กรรมการบริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายต่างประเทศ ที่จะมาอัพเดตข่าวสารความเคลื่อนไหว พร้อมทั้งแผนงานที่จะคอยขับเคลื่อนให้บีอาร์จีไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
[caption id="attachment_378252" align="aligncenter" width="503"]
ชลลธร ศรีรัตนประภาส[/caption]
➣ 'บีอาร์จี' ในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ช่วงที่ผ่านมา ตลาดรถนำเข้าได้รับผลกระทบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ภาพรวมเศรษฐกิจที่ผันผวน การเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายในการนำเข้ารถ การจัดเก็บภาษีในรูปแบบใหม่ การตรวจสอบที่มีขั้นตอนมากขึ้น ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้มีผู้ประกอบการหลายเจ้าหายไป อย่างไรก็ดี บีอาร์จีมีการปรับตัวอยู่ตลอด และทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามที่รัฐได้ระบุมา
➣
ปัจจุบันมีโชว์รูมกี่แห่ง
ตอนนี้มีโชว์รูมและศูนย์บริการ 4 แห่งในกรุงเทพฯ ได้แก่ รามคำแหง ศรีนครินทร์ สุทธิสาร และแจ้งวัฒนะ ส่วนสาขาต่างจังหวัดมี 1 แห่ง ที่ภูเก็ต และตามแผนงานในปีนี้จะมีการปรับปรุงสาขาศรีนครินทร์และรามคำแหง ให้มีภาพลักษณ์สดใหม่ ทันสมัย คาดว่าแต่ละสาขาจะใช้เงินลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท
นอกจากนั้นแล้ว จะเริ่มดำเนินการสร้างสาขาใหม่ที่กาญจนาภิเษก บางใหญ่ บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ ซึ่งแต่เดิมที่วางแผนไว้จะเปิดให้บริการเฉพาะการเซอร์วิส แต่ความคืบหน้าตอนนี้จะมีการทำโชว์รูมด้านหน้าด้วย โดยสาขาบางใหญ่คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนรวมกันทั้งสิ้น (รวมที่ดิน) 300 ล้านบาท จุดเด่นของสาขานี้ คือ พื้นที่ขนาดใหญ่ มีจำนวน 36 ช่องซ่อม ในจำนวนนี้ 26 ช่องซ่อม จะเป็นซ่อมสีและตัวถังได้ และทั่วไปอีก 10 ช่องซ่อม โดยจะเริ่มแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในช่วงปลายปี 2562
➣
รถใหม่ในปีนี้
ปีนี้จะมีรถรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในตลาดโลก อาทิ โตโยต้า ซูปร้า หรือ ปอร์เช่ 911 ในส่วนของบีอาร์จีนั้นจะเน้นไปที่รถในกลุ่มรถอเนกประสงค์ อย่าง รถเอ็มพีวี ที่มีสัดส่วนการขายกว่า 70%, รถเอสยูวี 25%, รถเก๋ง ซีดาน 5% และจะเน้นหนักไปที่แบรนด์ญี่ปุ่น อาทิ อัลฟาร์ด เวลไฟล์ พราโด้ แลนด์ครุยเซอร์ ส่วนแบรนด์ยุโรปก็จะเป็น เบนซ์ วีโต้ รวมไปถึงคาร์ลสัน โดยแบ่งสัดส่วนการขายในแต่ละปี จะเป็นรถแบรนด์ญีปุ่น 70% และแบรนด์จากยุโรป 30%
➣ แผนกระตุ้นตลาด
ในช่วงต้นปีจนถึงวันที่ 28 ก.พ. เรามีแคมเปญพิเศษ โดยเฉพาะศูนย์บริการที่จะมอบส่วนลดค่าแรงสูงสุด 35% และฟรีค่าแรก จากเดิมที่จะมีค่าธรรมเนียม 2 แสนบาทต่อคัน ในส่วนของงานด้านซ่อมสีและตัวถัง เรายังบริการรับเคลมประกันภัยให้ลูกค้าฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ กับบริษัทประกันภัย ไม่ว่าจะเป็น กรุงเทพประกันภัย, เมืองไทยประกันภัย, ทิพยประกันภัย, เอไอจีประกันภัย, ประกันคุ้มภัย, ประกันภัยไทยวิวัฒน์, นวกิจประกันภัย, แอลเอ็มจีประกันภัย และบริษัทประกันภัยชั้นนำอื่น ๆ ทุกบริษัท
➣
พัฒนาแอพพลิเคชัน
เรามีการลงทุนเพื่อพัฒนาแอพพลิเคชันและทำเว็บไซต์ใหม่ โดยใช้เงินกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุที่เราทำก็เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิตอล โดยลูกค้าสามารถติดต่อเราได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งในแง่การสอบถามข้อมูลรถยนต์ การนัดหมายเพื่อนำรถเข้ามายังศูนย์บริการ ตรวจสอบสถานะการซ่อมบำรุง การตรวจสอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งในส่วนของแอพพลิเคชันยังอยู่ในกระบวนการพัฒนา คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในไตรมาส 2 ของปีนี้
➣
เป้าหมายยอดขาย
ปีที่ผ่านมา เราทำได้กว่า 400 คัน ส่วนเป้าหมายปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% เช่นเดียวกับตลาดรถนำเข้าก็น่าจะเติบโต 10% โดยมีปัจจัยสนับสนุนด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ, การเลือกตั้ง, อารมณ์การจับจ่ายใช้สอย, พระราชพิธีบรมราชาภิเษก อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องการตรวจสอบรถจาก สมอ. (สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) ที่ใช้เวลานาน เนื่องจากบุคลากรอาจจะมีจำนวนจำกัดและจำนวนรถนำเข้าของเก่าที่ยังค้างอยู่ ทำให้ใช้เวลาการตรวจสอบปัจจุบันประมาณ 1 เดือน ซึ่งในมุมของผู้ประกอบการมองว่าระยะเวลาที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 1 สัปดาห์
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,438 วันที่ 24 - 26 มกราคม พ.ศ. 2562