"บาทอ่อนค่า" ที่ระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดจับทางผลประชุมอีซีบี-บีโอเจ
ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (22 ม.ค. 62) ที่ระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงจากช่วงสิ้นวันทำการก่อน ที่ระดับ 31.79 บาทต่อดอลลาร์
ในคืนที่ผ่านมา ตลาดทุนทั่วโลกยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก เนื่องจากยังเป็นวันหยุดของฝั่งสหรัฐฯ ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดที่ยังคงส่งสัญญาณชะลอตัวทั่วโลก
ล่าสุด ทางการจีนรายงานการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2018 เติบโตเพียง 6.6% ขณะที่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ก็ออกมาปรับลดคาดการการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2019 ลงเหลือ 3.5% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี และเน้นย้ำว่า ความขัดแย้งทางการค้าจะเป็นจุดอ่อนของเศรษฐกิจโลกในปีนี้
ฝั่งประเทศไทยก็เห็นการค้าที่ชะลอตัวลงเช่นกัน ล่าสุด การส่งออกไทยเดือน ธ.ค. หดตัว 1.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปริมาณการนำเข้าก็ลดลง 8.15% ด้วย จึงทำให้ประเทศไทยเกินดุลการค้าเล็กน้อย 1.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในระยะสั้นยังคงมองกรอบความผันผวนของตลาดเงินอยู่ในระดับไม่สูงมาก เพราะในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมของธนาคารกลาง ทั้งในยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งนักค้าเงินทั่วโลกต้องรอดูท่าทีของธนาคารกลางอยู่ ว่า จะกลับไปใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มขึ้นหรือไม่ ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นบวกต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ในระยะสั้น
ขณะที่ ในระยะยาว ภาพการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับดุลการค้าของไทยมากกว่าการส่งออกที่ชะลอตัว จึงมีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะไม่เจอแรงกดดันบนค่าเงินมากนัก แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว
โดยมองกรอบค่าเงินบาทวันนี้ 31.75-31.85บาท
ในคืนที่ผ่านมา ตลาดทุนทั่วโลกยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก เนื่องจากยังเป็นวันหยุดของฝั่งสหรัฐฯ ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดที่ยังคงส่งสัญญาณชะลอตัวทั่วโลก
ล่าสุด ทางการจีนรายงานการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2018 เติบโตเพียง 6.6% ขณะที่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ก็ออกมาปรับลดคาดการการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2019 ลงเหลือ 3.5% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี และเน้นย้ำว่า ความขัดแย้งทางการค้าจะเป็นจุดอ่อนของเศรษฐกิจโลกในปีนี้
ฝั่งประเทศไทยก็เห็นการค้าที่ชะลอตัวลงเช่นกัน ล่าสุด การส่งออกไทยเดือน ธ.ค. หดตัว 1.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปริมาณการนำเข้าก็ลดลง 8.15% ด้วย จึงทำให้ประเทศไทยเกินดุลการค้าเล็กน้อย 1.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในระยะสั้นยังคงมองกรอบความผันผวนของตลาดเงินอยู่ในระดับไม่สูงมาก เพราะในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมของธนาคารกลาง ทั้งในยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งนักค้าเงินทั่วโลกต้องรอดูท่าทีของธนาคารกลางอยู่ ว่า จะกลับไปใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มขึ้นหรือไม่ ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นบวกต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ในระยะสั้น
ขณะที่ ในระยะยาว ภาพการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับดุลการค้าของไทยมากกว่าการส่งออกที่ชะลอตัว จึงมีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะไม่เจอแรงกดดันบนค่าเงินมากนัก แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว
โดยมองกรอบค่าเงินบาทวันนี้ 31.75-31.85บาท
