ในที่สุด
“ทักษิณ ชินวัตร” ก็สบช่อง-โผล่หน้าออกมา...หลังจากถูก
“รัฐบาลและคสช.” พยายามสกัดด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้ง “ญาติโกโหติกา” ตระกูลชินฯ กำลังถูกไล่ล่า
“เช็กบิล” เอาผิดแบบ
“ยกครัว” ด้วยคดีความเก่าๆ ขณะที่พรรคเพื่อไทยและพรรคเครือข่ายตระกูลเพื่อ (ไทย) ก็กำลังเดินหน้าหาเสียงแบบเต็มสูบ!!!!
มาครั้งนี้ ผิดจากสไตล์เดิมๆ ที่มาแบบเสียงดัง-ฟังชัด
“ทักษิณคิด-เพื่อไทยทำ” ที่เรียกคะแนนนิยมให้พรรคเพื่อไทยจนชนะศึกเลือกตั้งถล่มทลาย ส่งผลให้
“นารีขี่ม้าขาว” นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก แต่ครั้งนี้ คสช. จัดเต็มโดย
“ออกแบบ” รัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งเพื่อสกัด
“ทักษิณ” ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองไทยเหมือนในอดีต
ดังนั้น
“ทักษิณ” จึงต้องคิดใหม่-ทำใหม่ ซึ่งสร้างความฮือฮาให้แวดวงได้พอสมควร...เมื่อเปิดตัวด้วยการทำพอดแคสต์ (podcast) พร้อมคำพูดที่ออดอ้อนแฟนคลับ เหมือนเคยว่า
“...เสียดายเวลา 12 ปีที่อยู่ในต่างประเทศได้เห็นความเจริญและความล้าหลังของหลายประเทศในโลก ได้พูดคุยกับผู้นำประเทศทั้งปัจจุบันและอดีต ผู้นำทางธุรกิจ นักวิชาการ นักเทคโนโลยีทั่วโลก จึงอยากจะมาเล่าสู่พี่น้องคนไทย”
และเวลา 12 นาทีเศษที่พูดผ่านรายการ
“สวัสดีวันจันทร์” นั้น ทักษิณก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องการ เมืองไทยเลยสักคำ แต่ใครๆ ก็รู้ดีว่า นี่คืออีกย่างก้าวทางการเมืองที่สำคัญของ
“ทักษิณ” โดยมีเป้าหมายเรียกคะแนนนิยมให้พรรคเพื่อไทยและพรรคเครือข่ายตามแผนยุทธศาสตร์
“แยกกันเดิน-รวมกันตี” เพื่อแก้
“เกม” การเมืองของ
“รัฐบาลและคสช.” ก่อนหน้านี้
เนื้อหาที่พูดส่วนใหญ่ จึงเป็นมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ไปจนถึงเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการดูแลสุขภาพ ตามชื่อรายการ ก่อนยํ้าว่า
“ถ้าวันจันทร์ไหนผมว่าง ผมจะมาพูดกับพี่น้องสักครั้งนึง อาจจะเป็นจันทร์เว้น จันทร์ หรือว่าบางจันทร์ก็อาจจะติดกันแล้วแต่นะครับ จะพยายามเล่าอะไร?ให้เป็นความรู้ ส่วนเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ก็ไม่อยากเสียเวลาพูด...”
มาถึงล่าสุด แม้จะยังไม่มีการประกาศ
“วันเลือกตั้ง” และยังมีเรื่อง
“เลื่อนวันเลือกตั้ง” เป็น
“กระแส” ที่ยังไม่มีความชัดเจน แต่
“ทักษิณ” ก็ยังพยายามหาช่องทางใหม่ๆ โผล่หน้าออกมาพบ
“แฟนคลับ” จนได้ เพราะต้องไม่ลืมว่า รัฐธรรมนูญ ปี 2560 และกฎหมาย (ลูก) ว่าด้วยการเลือกตั้งอีก 4 ฉบับที่เพิ่งประกาศเมื่อปีที่แล้ว มีบทบัญญัติเขียนไว้ชัดเจน
รัฐธรรมนูญ มาตรา 45 ระบุข้อห้ามไม่ให้
“บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค” เข้ามาครอบงำหรือชี้นำ รวมทั้งเขียน
“ล็อก” ไว้อีกชั้นในกฎหมาย (ลูก) 4 ฉบับ...มาตรา 28 ระบุว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใด อันทำให้บุคคลอื่น? ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ
มาตรา 29 ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเช่นกัน
[caption id="attachment_377362" align="aligncenter" width="500"]
[/caption]
สรุปว่า บังคับทั้ง
“พรรคการเมือง” และ
“บุคคล” นั่นคือ ทั้งห้ามไม่ให้พรรคปล่อยให้มีคนมาทำและห้ามคนไม่ให้กระทำการดังกล่าว และมีลงโทษไว้ทั้ง 2 ส่วนเช่นกัน และกำหนดบทลงโทษไว้ทั้ง 2 ส่วน ขณะที่บทลงโทษในส่วนตัวบุคคลมีโทษจำคุก 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 1-2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น ส่วนบทลงโทษพรรค คือ
“ยุบพรรค”
หลังปีใหม่เป็นต้นมา การลงพื้นที่แบบเต็มสูบของ
“สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ” โดยเน้นนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก ...
“อยู่กับเรากระเป๋าตุง อยู่กับลุงกระเป๋าแฟบ” คือ ประโยคยอดฮิต เฉพาะอย่างยิ่ง
“คุณหญิงหน่อย” ไปเปิดปราศรัยและตอกยํ้าที่อีสาน-เหนือ-และภาคกลาง ส่งผลให้ภาพของเธอฉายชัดว่า มาถึงนาทีนี้ เธอคนนี้แหละคือ
“เบอร์ 1” ของพรรคเพื่อไทย
และล่าสุด เมื่อ
“ทักษิณ-สุดารัตน์” เปิดตัวออกมาแล้ว โดยมีเป้าหมาย ว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคเครือข่าย เป็น
“แลนด์สไลด์” จึงน่าสนใจว่า
“รัฐบาล-และคสช.” จะแก้
“เกม” การเมืองต่อไปอย่างไร?
| คอลัมน์ : อยู่กับปัจจุบัน
| โดย : พงษ์ศักดิ์ ศรีสด
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3437 หน้า 16 ระหว่างวันที่ 20-23 ม.ค.2562