"เงินบาท" อ่อนค่าลง แนวโน้มตลาดเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น
ธนาคารกรุงไทย ระบุ ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (21 ม.ค. 62) ที่ระดับ 31.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 31.70 บาทต่อดอลลาร์
ในสัปดาห์นี้ มีเรื่องที่น่าจับตาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การประชุม World Economic Forum, นโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก และตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน
เริ่มต้นในวันจันทร์ ตัวเลขจีดีพีของจีนไตรมาสที่ 4 ปี 2561 คาดว่าจะขยายตัว 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการขยายตัวดังกล่าวเป็นผลมาจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เติบโต 5.4% การลงทุนสินทรัพย์ถาวรที่ขยายตัว 5.9% ขณะที่ การค้าปลีกเร่งตัวขึ้นได้ที่ระดับ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ต่อเนื่องในวันพุธ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางญี่ปุ่น จะ "คง" ดอกเบี้ย (Policy Balance Rate) ที่ระดับ -0.1% แต่อาจมีการปรับคาดการณ์ เงินเฟ้อในญี่ปุ่นลงเล็กน้อยหลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลง
วันพฤหัสบดี ธนาคารกลางยุโรปจะ "คง" อัตราดอกเบี้ย (Deposit Rate) ที่ระดับ -0.4% แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จึงมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรปอาจส่งสัญญาณการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายกว่าเดิม
นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดี จะมีธนาคารกลางมาเลเซียและธนาคารกลางเกาหลีที่ประชุมนโยบายการเงินเช่นกัน เชื่อว่า ทั้ง 2 ธนาคารกลางจะ "คง" ดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งคือ ระดับ 3.25% สำหรับมาเลเซีย และ 1.75% สำหรับเกาหลีใต้
นอกจากตัวเลขเศรษฐกิจแล้ว ในการเมืองก็จะมีเรื่องที่ต้องติดตาม คือ การยื่นข้อเสนอเรื่อง Brexit ของนางเทเรซา เมย์ เข้าสู่สภาเป็นรอบที่สอง ขณะที่ ตั้งแต่วันอังคารจนถึงวันศุกร์ ก็จะมีการประชุม World Economic Forum ที่กรุงดาวอซ ซึ่งผู้นำด้านต่าง ๆ ของโลกจะเดินทางไปร่วมและให้ความเห็น แต่จะไม่มี นางเทเรซา เมย์ ที่ยังต้องจัดการเรื่อง Brexit และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยกเลิกทุกการเดินทางด้วยเหตุผลว่า มีการปิดที่ทำการของภาครัฐ (Government Shutdown) ในปัจจุบัน
ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ความผันผวนในตลาดเงินลดลงในสัปดาห์นี้ ในระยะสั้นเราเชื่อว่า ข่าวส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นบวกกับเศรษฐกิจโลก และน่าจะทำให้ตลาดเปิดรับความเสี่ยง (Risk On) อีกครั้ง มีเพียงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักอื่นทั่วโลกที่ยังคงมีความเห็นในเชิง "สนับสนุนนโยบายการเงินผ่อนคลาย" ที่พยุงเงินดอลลาร์ให้สามารถแข็งค่าได้อยู่ในช่วงนี้
ในส่วนของค่าเงินบาท ระยะสั้นยังไม่มีประเด็นที่น่าสนใจมากนัก การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่จึงจะเป็นไปตามทิศทางของสกุลเงินเอเชีย มองว่าตลาดที่เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น จะส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดทุนไทยและเป็นบวกกับค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน
โดยมองกรอบเงินบาทระหว่างวันนี้ 31.70-31.80 บาทต่อดอลลาร์ สหรัฐฯ และกรอบเงินบาทในสัปดาห์ 31.35- 31.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ในสัปดาห์นี้ มีเรื่องที่น่าจับตาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การประชุม World Economic Forum, นโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก และตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน
เริ่มต้นในวันจันทร์ ตัวเลขจีดีพีของจีนไตรมาสที่ 4 ปี 2561 คาดว่าจะขยายตัว 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการขยายตัวดังกล่าวเป็นผลมาจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เติบโต 5.4% การลงทุนสินทรัพย์ถาวรที่ขยายตัว 5.9% ขณะที่ การค้าปลีกเร่งตัวขึ้นได้ที่ระดับ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ต่อเนื่องในวันพุธ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางญี่ปุ่น จะ "คง" ดอกเบี้ย (Policy Balance Rate) ที่ระดับ -0.1% แต่อาจมีการปรับคาดการณ์ เงินเฟ้อในญี่ปุ่นลงเล็กน้อยหลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลง
วันพฤหัสบดี ธนาคารกลางยุโรปจะ "คง" อัตราดอกเบี้ย (Deposit Rate) ที่ระดับ -0.4% แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จึงมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรปอาจส่งสัญญาณการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายกว่าเดิม
นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดี จะมีธนาคารกลางมาเลเซียและธนาคารกลางเกาหลีที่ประชุมนโยบายการเงินเช่นกัน เชื่อว่า ทั้ง 2 ธนาคารกลางจะ "คง" ดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งคือ ระดับ 3.25% สำหรับมาเลเซีย และ 1.75% สำหรับเกาหลีใต้
นอกจากตัวเลขเศรษฐกิจแล้ว ในการเมืองก็จะมีเรื่องที่ต้องติดตาม คือ การยื่นข้อเสนอเรื่อง Brexit ของนางเทเรซา เมย์ เข้าสู่สภาเป็นรอบที่สอง ขณะที่ ตั้งแต่วันอังคารจนถึงวันศุกร์ ก็จะมีการประชุม World Economic Forum ที่กรุงดาวอซ ซึ่งผู้นำด้านต่าง ๆ ของโลกจะเดินทางไปร่วมและให้ความเห็น แต่จะไม่มี นางเทเรซา เมย์ ที่ยังต้องจัดการเรื่อง Brexit และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยกเลิกทุกการเดินทางด้วยเหตุผลว่า มีการปิดที่ทำการของภาครัฐ (Government Shutdown) ในปัจจุบัน
ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ความผันผวนในตลาดเงินลดลงในสัปดาห์นี้ ในระยะสั้นเราเชื่อว่า ข่าวส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นบวกกับเศรษฐกิจโลก และน่าจะทำให้ตลาดเปิดรับความเสี่ยง (Risk On) อีกครั้ง มีเพียงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักอื่นทั่วโลกที่ยังคงมีความเห็นในเชิง "สนับสนุนนโยบายการเงินผ่อนคลาย" ที่พยุงเงินดอลลาร์ให้สามารถแข็งค่าได้อยู่ในช่วงนี้
ในส่วนของค่าเงินบาท ระยะสั้นยังไม่มีประเด็นที่น่าสนใจมากนัก การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่จึงจะเป็นไปตามทิศทางของสกุลเงินเอเชีย มองว่าตลาดที่เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น จะส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดทุนไทยและเป็นบวกกับค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน
โดยมองกรอบเงินบาทระหว่างวันนี้ 31.70-31.80 บาทต่อดอลลาร์ สหรัฐฯ และกรอบเงินบาทในสัปดาห์ 31.35- 31.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
