"MTC" ออกโรงแจง! ไม่ได้ทำ PICO Finance
"ชูชาติ เพ็ชรอำไพ" ระบุ MTC ปล่อยสินเชื่อได้ทั่วประเทศ ไม่จำกัดวงเงิน คิดดอกเบี้ย 28% ย้ำ! อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ชาติ ชี้ชัด! ไม่ได้ขออนุญาต PICO Finance
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดำเนินธุรกิจภายใต้ระเบียบด้วยมาตรฐานสูงสุดมาโดยตลอด โดย MTC ปล่อยสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ (Personal Loan) ซึ่งสามารถปล่อยสินเชื่อได้ทั่วประเทศ ไม่มีการจำกัดวงเงิน หรือ กำหนดวงเงิน แต่อย่างใด ขึ้นกับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอกู้ คิดอัตราเพดานดอกเบี้ย 28% ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ PICO Finance แต่อย่างใด
"MTC อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ชาติ เราปล่อยกู้แบบ P-Loan เราไม่ได้ทำสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (PICO Finance) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่มีข้อกำหนดเรื่องวงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย และปล่อยเป็นรายจังหวัด ในส่วนของ MTC นั้น ปล่อยได้ทั่วประเทศ โดยไม่มีข้อจำกัด หรือ ข้อกำหนดเรื่องวงเงิน ขึ้นกับความสามารถในการชำระหนี้ ดังนั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ แต่อย่างใด เรายังคงเดินหน้าต่อไป และมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้"
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทฯ เตรียมจะเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขา ส่งผลให้สิ้นปีนี้มีสาขากว่า 3,900 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ยังตั้งเป้าหมายสินเชื่อใหม่ปีนี้เติบโต 35% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 40% และพร้อมปฏิบัติตามเกณฑ์ใหม่ของสินเชื่อส่วนบุคคล (P-Loan) แบบมีหลักประกัน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท.
ขณะที่ หลักเกณฑ์ P-Loan ที่ ธปท. เตรียมประกาศใช้ จะเพิ่มโอกาสในการเติบโตให้กับ MTC เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทฯ มี P-Loan ทั้งสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ ซึ่งตามเกณฑ์ใหม่กำหนดเพดานดอกเบี้ยไว้ที่ 28% โดยปัจจุบัน บริษัทฯ คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 23% ทำให้มีช่องว่างในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในช่วงขาขึ้น
ทั้งนี้ ธปท. ได้เชิญชวนผู้ประกอบธุรกิจเข้าร่วมประชุมชี้แจง เรื่องหลักเกณฑ์การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ในวันที่ 25 ม.ค. นี้ เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจฯ เตรียมความพร้อมในการขออนุญาตประกอบธุรกิจและถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังและ ธปท. กำหนด
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดำเนินธุรกิจภายใต้ระเบียบด้วยมาตรฐานสูงสุดมาโดยตลอด โดย MTC ปล่อยสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับ (Personal Loan) ซึ่งสามารถปล่อยสินเชื่อได้ทั่วประเทศ ไม่มีการจำกัดวงเงิน หรือ กำหนดวงเงิน แต่อย่างใด ขึ้นกับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอกู้ คิดอัตราเพดานดอกเบี้ย 28% ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ PICO Finance แต่อย่างใด
"MTC อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ชาติ เราปล่อยกู้แบบ P-Loan เราไม่ได้ทำสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (PICO Finance) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่มีข้อกำหนดเรื่องวงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย และปล่อยเป็นรายจังหวัด ในส่วนของ MTC นั้น ปล่อยได้ทั่วประเทศ โดยไม่มีข้อจำกัด หรือ ข้อกำหนดเรื่องวงเงิน ขึ้นกับความสามารถในการชำระหนี้ ดังนั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ แต่อย่างใด เรายังคงเดินหน้าต่อไป และมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้"
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทฯ เตรียมจะเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขา ส่งผลให้สิ้นปีนี้มีสาขากว่า 3,900 สาขาทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ยังตั้งเป้าหมายสินเชื่อใหม่ปีนี้เติบโต 35% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 40% และพร้อมปฏิบัติตามเกณฑ์ใหม่ของสินเชื่อส่วนบุคคล (P-Loan) แบบมีหลักประกัน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท.
ขณะที่ หลักเกณฑ์ P-Loan ที่ ธปท. เตรียมประกาศใช้ จะเพิ่มโอกาสในการเติบโตให้กับ MTC เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทฯ มี P-Loan ทั้งสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ ซึ่งตามเกณฑ์ใหม่กำหนดเพดานดอกเบี้ยไว้ที่ 28% โดยปัจจุบัน บริษัทฯ คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 23% ทำให้มีช่องว่างในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในช่วงขาขึ้น
ทั้งนี้ ธปท. ได้เชิญชวนผู้ประกอบธุรกิจเข้าร่วมประชุมชี้แจง เรื่องหลักเกณฑ์การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ในวันที่ 25 ม.ค. นี้ เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจฯ เตรียมความพร้อมในการขออนุญาตประกอบธุรกิจและถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังและ ธปท. กำหนด
