ฟัง 6 พรรคการเมือง “ขายของ” ใน 2 นาที
“ปชป.” พุ่งเป้าคนไทยพ้นเส้นความยากจน “พปชร.”ชูพรรคทางเลือก เน้นเดินนโยบายทำต่อเนื่อง “ชทพ.” เน้นแก้กฎหมายการศึกษา “ทษช” ใช้เทคโนโลยีช่วยคนจน
จากงานเสวนา “อยากเห็นเมืองไทยดีกว่านี้” ครั้งที่ 2 เปิดแนวคิดวัยรุ่นพันล้านกับการเมืองใหม่ ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงภาพยนตร์เอสพลานาดซีนีเพล็กซ์ รัชดาภิเษก ซึ่งมีตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมรับฟัง และแสดงวิสัยทัศน์ พร้อมตอบข้อซักถาม ประกอบด้วย นายฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ และนายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ, นายวรวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา, นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ตัวแทนพรรคอนาคตใหม่, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ และนายดล เหตระกูล เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา
ต่อข้อซักถามที่ว่า “มีอะไรดีถึงต้องเลือกพรรคตัวเอง” โดยแต่ละพรรคมีเวลาเพียง 2 นาที นายอรรถวิชช์ กรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำในส่วนของภาคแรงงานที่มีรายได้ต่ำกว่า 120,000 บาทต่อปีภาครัฐจะอัดฉีดเม็ดเงินลงไปช่วยเหลือ ตั้งเป้าให้คนไทยมีเส้นรายได้ต้องพ้นเส้นความยากจนให้ได้ สำหรับภาคเกษตรจะมีการประกันรายได้ให้กับเกษตรกร อาทิ ประกันรายได้ขายข้าวได้เกวียนละ 10,000 บาท หากตลาดราคาอยู่ที่ 8,000 บาท จะโอนส่วนต่างเข้าบัญชีให้ มีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อเดือน เบี้ยผู้ยากไร้จะโอนตรงเข้าบัญชี 800 บาท โดยให้ทุกคนยื่นแบบฟอร์มเสียภาษี เพื่อให้มีข้อมูลรายได้ทราบว่า กลุ่มไหนมีงานทำ และทำให้ทุกคนมีรายได้ทั่วถึงกัน ด้านการศึกษา สำหรับเด็กเกิดใหม่ 0-8 ขวบอุดหนุนค่าใช้จ่าย 1,000 บาททุกเดือน และได้ค่าอาหารกลางวันฟรี เป็นต้น
นายกอบศักดิ์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ระบุว่า มี 3 ประการคือ พรรคไม่ขัดแย้ง เสนอตัวเองมาเพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน เพื่อออกจากวังวนเดิม ประการที่สอง ผู้ที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคต่างมีผลงานหลายเรื่องที่ทำ เป็นผลงานที่ประชาชนไทยรอมานาน และมีการขับเคลื่อน อาทิ โครงการสตาร์ทอัพ โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมถึงโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับประชาชน เน้นทำงานจริง สุดท้าย คือ เน้นดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องและมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ประกาศ เช่น เรื่องที่ดินทำกิน เรื่องที่อยู่อาศัย และเรื่องการศึกษา เป็นต้น
นายวราวุธ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบาย พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) บอกว่า ได้แบ่งปัญหาออกเป็น 2 เรื่อง คือ เรื่องการเกษตรซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศโดยพรรคเห็นและให้ความสำคัญที่สุด คือ เรื่องของการศึกษา โดยจะแก้พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติใหม่ ให้ทุกคนมีส่วนร่วม เพื่อให้การศึกษาสอดรับกับสภาพสังคมไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนาเคยทำเมื่อปี 2538 ยืนยันว่า ทำได้จริง ไม่เคยขายฝัน อยากเห็นเมืองไทยที่ลูกหลานไม่ต้องไปเรียนเมืองนอก อยากเห็นเกษตรกรลืมตาอ้าปาก ธุรกิจไทยโตอย่างเข้มแข็ง ชาติไทยพัฒนาไม่ใช่ชาติหน้าพัฒนา
นายฤภพ ชินวัตร ตัวแทนพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) บอกว่า ทางพรรคนำนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วมาต่อยอด โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยคนจนไม่ให้จนอีกต่อไป ลดช่องว่างของเกษตรกรให้มาอยู่ใกล้กับรัฐบาล
นายพิจารณ์ ตัวแทนพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า พร้อมส่งผู้สมัคร ส.ส. 350 เขต ตั้งเป้าต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศ ไม่ใช่เป็นแค่พรรคเล็กๆที่จัดตั้งขึ้นมาเลือกตั้งไม่กี่ครั้งแล้วหายไป โดยจะเปิดธุรกิจเสรีให้พร้อมกับการแข่งขัน ซึ่งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคมีความเป็นประชาธิปไตยทางการเมืองอย่างชัดเจน กล่าวคือ ทางพรรคอนาคตใหม่ชูที่ตัวบุคคล
นายดล เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ทางพรรคชูนโยบาย “ชาติพัฒนา No Problem” ซึ่งเป็นวลีติดปากของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ผู้ก่อตั้งพรรค โดยจะนำมาเป็นแกนหลักเพื่อทำให้ประเทศไร้ปัญหา ผ่านนโยบาย 8 ข้อที่จะเปิดตัวอย่างเป็นการเร็วๆนี้ พรรคจะมาแก้ปัญหา เป็นพรรคกลางที่จะไม่สร้างปัญหา ไม่ทะเลาะกับใคร และไม่อยู่สีไหน
จากงานเสวนา “อยากเห็นเมืองไทยดีกว่านี้” ครั้งที่ 2 เปิดแนวคิดวัยรุ่นพันล้านกับการเมืองใหม่ ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงภาพยนตร์เอสพลานาดซีนีเพล็กซ์ รัชดาภิเษก ซึ่งมีตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมรับฟัง และแสดงวิสัยทัศน์ พร้อมตอบข้อซักถาม ประกอบด้วย นายฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ และนายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ, นายวรวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา, นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ตัวแทนพรรคอนาคตใหม่, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ และนายดล เหตระกูล เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา
ต่อข้อซักถามที่ว่า “มีอะไรดีถึงต้องเลือกพรรคตัวเอง” โดยแต่ละพรรคมีเวลาเพียง 2 นาที นายอรรถวิชช์ กรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำในส่วนของภาคแรงงานที่มีรายได้ต่ำกว่า 120,000 บาทต่อปีภาครัฐจะอัดฉีดเม็ดเงินลงไปช่วยเหลือ ตั้งเป้าให้คนไทยมีเส้นรายได้ต้องพ้นเส้นความยากจนให้ได้ สำหรับภาคเกษตรจะมีการประกันรายได้ให้กับเกษตรกร อาทิ ประกันรายได้ขายข้าวได้เกวียนละ 10,000 บาท หากตลาดราคาอยู่ที่ 8,000 บาท จะโอนส่วนต่างเข้าบัญชีให้ มีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อเดือน เบี้ยผู้ยากไร้จะโอนตรงเข้าบัญชี 800 บาท โดยให้ทุกคนยื่นแบบฟอร์มเสียภาษี เพื่อให้มีข้อมูลรายได้ทราบว่า กลุ่มไหนมีงานทำ และทำให้ทุกคนมีรายได้ทั่วถึงกัน ด้านการศึกษา สำหรับเด็กเกิดใหม่ 0-8 ขวบอุดหนุนค่าใช้จ่าย 1,000 บาททุกเดือน และได้ค่าอาหารกลางวันฟรี เป็นต้น
นายวราวุธ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบาย พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) บอกว่า ได้แบ่งปัญหาออกเป็น 2 เรื่อง คือ เรื่องการเกษตรซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศโดยพรรคเห็นและให้ความสำคัญที่สุด คือ เรื่องของการศึกษา โดยจะแก้พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติใหม่ ให้ทุกคนมีส่วนร่วม เพื่อให้การศึกษาสอดรับกับสภาพสังคมไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนาเคยทำเมื่อปี 2538 ยืนยันว่า ทำได้จริง ไม่เคยขายฝัน อยากเห็นเมืองไทยที่ลูกหลานไม่ต้องไปเรียนเมืองนอก อยากเห็นเกษตรกรลืมตาอ้าปาก ธุรกิจไทยโตอย่างเข้มแข็ง ชาติไทยพัฒนาไม่ใช่ชาติหน้าพัฒนา
นายฤภพ ชินวัตร ตัวแทนพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) บอกว่า ทางพรรคนำนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วมาต่อยอด โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยคนจนไม่ให้จนอีกต่อไป ลดช่องว่างของเกษตรกรให้มาอยู่ใกล้กับรัฐบาล
นายพิจารณ์ ตัวแทนพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า พร้อมส่งผู้สมัคร ส.ส. 350 เขต ตั้งเป้าต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศ ไม่ใช่เป็นแค่พรรคเล็กๆที่จัดตั้งขึ้นมาเลือกตั้งไม่กี่ครั้งแล้วหายไป โดยจะเปิดธุรกิจเสรีให้พร้อมกับการแข่งขัน ซึ่งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคมีความเป็นประชาธิปไตยทางการเมืองอย่างชัดเจน กล่าวคือ ทางพรรคอนาคตใหม่ชูที่ตัวบุคคล
นายดล เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ทางพรรคชูนโยบาย “ชาติพัฒนา No Problem” ซึ่งเป็นวลีติดปากของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ผู้ก่อตั้งพรรค โดยจะนำมาเป็นแกนหลักเพื่อทำให้ประเทศไร้ปัญหา ผ่านนโยบาย 8 ข้อที่จะเปิดตัวอย่างเป็นการเร็วๆนี้ พรรคจะมาแก้ปัญหา เป็นพรรคกลางที่จะไม่สร้างปัญหา ไม่ทะเลาะกับใคร และไม่อยู่สีไหน
