สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และสวมหมวกอีกใบเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ก้าวย่างเป็นนักการเมืองเต็มตัว
แน่นอน เมื่อเป็นนักการเมืองเต็มตัว ย่อมท้าทาย ยิ่งบทบาทภารกิจและการตัดสินใจ ในฐานะรัฐมนตรีไปทาบทับซ้อน และต้องคำนึงถึงกระแสและคะแนนเสียง
กรณีการทบทวนบัญชีสินค้าและบริการควบคุมประจำปี เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าที่มีรัฐมนตรีพาณิชย์เป็นประธาน แสดงท่าทีขึงขังในการนำยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เข้ามาอยู่ในบัญชีควบคุม
พลันที่มีความคิดริเริ่มนี้ออกมา ก็ต้องถูกกระแสต่อต้านจากสมาคมโรงพยาบาลเอกชน โดยยกอ้างเหตุผลสารพัด ทั้งบอกว่าระบบแข่งขันเสรีของเอกชนจะช่วยสร้างดุลยภาพราคายา และไม่ทำให้ราคาสูงเกินไปเพราะมีกลไกการแข่งขันทำงานอยู่แล้ว
เว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจ เพื่อนักธุรกิจรุ่นใหม่ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหา การเงิน การลงทุน การตลาด เทคโนโลยี
ประมาณว่า ถ้าโรงพยาบาลนี้แพง ก็ไปโรงพยาบาลอื่นที่ถูกกว่า ลดราคากว่า
“ประชาชนที่เข้ามารับบริการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน เป็นสิ่งที่พวกผู้ป่วยเลือกที่จะมารักษาด้วยความสมัครใจ และเต็มใจที่จะเสียค่ารักษาพยาบาลเอง อาจเพราะชอบในบริการและสถานที่ถือเป็นทางเลือกของประชาชน ซึ่งเมื่อโรงพยาบาลเอกชนให้บริการรักษา ก็จะต้องมีกำไรส่วนที่เหลือมาพัฒนาโรงพยาบาลให้ดีขึ้น ถือเป็นไปตามกลไกการแข่งขันเสรี ที่โรงพยาบาลแต่ละแห่งจะต้องแข่งขันพัฒนาให้มีคุณภาพที่ดีกว่าเพื่อดึงดูดคนให้เข้ามารับบริการการรักษา ซึ่งทำให้การแพทย์ไทยเกิดการพัฒนา”
อีกประเด็นที่ยกขึ้นมาต่อต้าน หลังจากหลายฝ่ายกระทุ้งไปที่กำไร ร.พ.เอกชนที่ “อิ่มหมีพีมัน” จากกำไรบนซากความเหี่ยวเฉาและล้มละลายทางการรักษาพยาบาลของประชาชน
เว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจ เพื่อนักธุรกิจรุ่นใหม่ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหา การเงิน การลงทุน การตลาด เทคโนโลยี
“ที่ผ่านมากำไรโรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะ 18 แห่งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่สูงมาก กำไรสุทธิอยู่ที่ 9-12% บางแห่งอาจจะขายต่างชาติในราคาที่แพง กำไรจะอยู่ราว 13-14% ซึ่งงบการเงิน 9 เดือนที่แสดงออกมาไม่มีโรงพยาบาลไหนมีกำไรถึง 20% เพราะค่ารักษาโรงพยาบาลยิ่งแพงยิ่งต้องพัฒนาคุณภาพสูงขึ้น และเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่าย และไม่มีการพัฒนาที่ดีขึ้นใดที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนส่วนร.พ.เอกชนที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะมีกำไรที่น้อยกว่านี้ หากมีกำไรที่มากกว่าก็จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯหมดแล้ว” เสียงของผู้แทน ร.พ.เอกชน ที่ต่อต้านการขึ้นบัญชีควบคุมยาและบริการทางการแพทย์ ประมาณว่าเป็นสินค้าหนึ่ง ที่ผู้รับบริการต้องจ่ายและเลือกรับเอาตามราคา ที่นำไปสู่คุณภาพการรักษา
เสมือนกับการบอกว่า
“ถ้าอยากได้ยาดี รักษาดี ต้องจ่ายแพง” โดยอาจลืมเลือนมิติอีกด้าน เป็นมิติของความเป็นมนุษย์ ที่ไม่ถึงกับต้องล้มละลายหมดเนื้อหมดตัวจากการรักษาพยาบาล
[caption id="attachment_376318" align="aligncenter" width="500"]
[/caption]
เท่านั้นยังไม่พอเหมือนร.พ.เอกชน จะอกสั่นขวัญผวากับการขึ้นบัญชีคุมยาอย่างหนักหน่วง จำต้องเดินสายล็อบบี้ตรงไปที่ทำเนียบรัฐบาล สกัดไม่ให้บรรจุวาระการควบคุมยาเข้า ครม. เรียกว่าต้องทำแท้งให้ได้
สำทับด้วยถ้อยคำข่มขู่ จากกลุ่มทุนร.พ.ยักษ์ใหญ่ ทำนอง
“ถ้าดึงดันควบคุม ทางร.พ.เอกชนและบุคลากร คงต้องลอยแพพรรคพลังประชารัฐ”
ใช้เรื่องการเมืองเข้าไปบีบและต่อรอง ในยามเข้าใกล้ห้วงแห่งการเลือกตั้ง โจมตีไปที่จุดอ่อนของนักการเมือง ประหนึ่งรู้ดีว่ายามนี้ทุกคนต้องการทั้งกระสุนและคะแนนเสียง ไม่ต่างจากการกระทำของกลุ่มมาเฟีย
การเคลื่อนไหวที่หนักหน่วงขึ้นของร.พ.เอกชน ทำให้
“สนธิรัตน์” ต้นเรื่องนี้ถึงกับชะงัก ต้องเรียกทั้งฝ่ายสนับสนุนอย่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ฝ่ายต่อต้านเข้าพบหารือกันใหม่ รวมทั้งฝ่ายชงเรื่องอย่างสำนักเลขานุการการแข่งขันทางการค้า
เว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจ เพื่อนักธุรกิจรุ่นใหม่ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหา การเงิน การลงทุน การตลาด เทคโนโลยี
ห้วงเวลาแห่งการเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกขณะ แน่นอนเพื่อความสง่างามและแสดงสปิริต
“สนธิรัตน์” รวมทั้งรัฐมนตรีที่เข้าสู่การเมือง ต้องออกจากตำแหน่ง หลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งและควรทำทันที ที่พรรคการเมืองยื่นสมัครรับเลือกตั้งในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้
สนธิรัตน์ ในฐานะคนต้นเรื่อง ต้องคำนึงและใคร่ครวญให้จงหนัก ในการยืนอยู่กับประชาชน เสมือนเดิมพันครั้งสุดท้ายก่อนลงจากตำแหน่ง เป็นบทพิสูจน์สำคัญสนธิรัตน์ ในการก้าวไปสู่นักการเมืองแบบใหม่ เป็นนักการเมืองที่ยืนหยัดกับประชาชน ต้องไม่เหยียบซากประชาชนแล้วก้มหัวให้กับกลุ่มทุน...
เว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจ เพื่อนักธุรกิจรุ่นใหม่ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหา การเงิน การลงทุน การตลาด เทคโนโลยี
เว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจ เพื่อนักธุรกิจรุ่นใหม่ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหา การเงิน การลงทุน การตลาด เทคโนโลยี
| คอลัมน์ : อยู่บนภู
| โดย : กระบี่เดียวดาย
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3437 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 20-23 ม.ค.2562