หอการค้าไทยเผยนักลงทุนต่างชาติ ไม่กังวลหากเลื่อนเลือกตั้ง ขอแค่วันชัดเจน

18 ม.ค. 2562 | 09:55 น.
หอการค้าไทย เผยนักลงทุนต่างชาติไม่กังวลหากเลื่อนเลือกตั้ง ไม่มีผลต่อการลงทุน แต่ขอความชัดเจนวันเลือกตั้ง การสานต่อนโยบาย ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาจากการลงทุน การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

 

[caption id="attachment_376569" align="aligncenter" width="503"] นายกลินท์ สารสิน นายกลินท์ สารสิน[/caption]

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศไม่ได้กังวลกรณีที่ไทยจะมีการเลื่อนการเลือกตั้งหรือไม่ เนื่องจากจะไม่กระทบต่อความมั่นใจในการเข้ามาลงทุน แต่ที่ต้องการคือความชัดเจนเกี่ยวกับวันเลือกตั้ง และนโยบายของพรรคการเมืองที่จะมาเป็นรัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงอยากให้สานต่อโครงการต่างๆที่รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ดำเนินการ เพราะจะสามารถกำหนดทิศทางนโยบายการลงทุนได้ถูกต้อง เช่น โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี และการส่งเสริมการสร้างแรงงานฝีมือเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาลงทุน เป็นต้น

“นักลงทุนต่างชาติต้องการมากสุด คือ นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่สานต่อกับชุดปัจจุบันหรือไม่ และนโยบายของที่พรรคการเมืองที่มาเป็นรัฐบาลเป็นอย่างไร ส่วนใครจะมาเป็นรัฐบาลนักลงทุนไม่สน เพราะเป็นเรื่องการเมืองของไทย”
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาในปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติได้มาหารือกับหอการค้าไทยและต้องการที่จะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องบิน โดยนักลงทุนหลายประเทศพร้อมที่จะนำผู้ผลิตเครื่องบิน ผู้ผลิตชิ้นส่วน ผู้ประกอบการแบบครบวงจรมาตั้งในไทย หากดำเนินการก็จะถือเป็นเรื่องที่ดีและอยากให้รัฐบาลไทยผลักดันเรื่องนี้

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว ด้านนางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยประจำเดือนธ.ค. 61 อยู่ที่ 48.4 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 48.3 ขณะที่ในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50.6 โดยมีปัจจัยที่สนับสนุน เช่น การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ การเติบโตต่อเนื่องของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงปลายปี การส่งออกและนำเข้าที่มีสัญญาณฟื้นตัว การประกาศจัดการเลือกตั้ง และปลดล็อกการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ระดับราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับต่ำ พืชผลทางการเกษตรปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย มาตรการของภาครัฐ เช่น ชอปช่วยชาติ เงินคนจน

สำหรับปัจจัยลบที่มีต่อดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประกอบด้วย การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ทำให้ผู้ประกอบการวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่อาจสูงขึ้น, ราคายางและปาล์มที่อยู่ในระดับต่ำ การปรับตัวลดลงของการลงทุนภาคเอกชน, การลดลงของภาคการค้าชายแดน ปัญหาความผันผวนของค่าเงินบาท และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ และแนวทางการดำเนินการของภาคเอกชน หลังจากนี้ ต้องการให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ, มาตรการเพิ่มรายได้และกำลังซื้อให้กับประชาชน, ส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น การสร้างความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคและคมนาคมในประเทศ โดยเฉพาะบริเวณแนวชายแดน, การกระตุ้นและการพัฒนาเศรษฐกิจ การประกาศวันเลือกตั้งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว

ส่วนดัชนีภาคบริการ มองว่าปัจจัยคือนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองของรัฐบาล การเข้าสู่ช่วงเทศกาล การประกาศการเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ ปัจจัยที่กระทบ เช่น นโยบายทางการเงิน โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ค่าครองชีพในระดับสูง การแข่งขันธุรกิจที่มีความรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังเจอเรื่องของปัจจัย การจัดเก็บภาษีที่ซับซ้อน ต้นทุนราคาสินค้าและค่าบริการ รวมไปถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุน ดังนั้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลกระทบต่อการแข่งขันของผู้ประกอบการ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่า 4% เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ได้มีแนวโน้มแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะกรณีเบร็ซซิท ที่ไม่ได้กระทบการค้าโลกมากนัก ขณะที่สินค้าเกษตรเริ่มมีราคาสูงขึ้น ส่วนการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียที่ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขในระยะยาวต่อไป ส่วนการเลือกตั้งหากเป็นวันที่ 24 มีนาคม ตามที่ประกาศไว้จริง จะเป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีตามที่ประมาณการไว้ที่ 4-4.5% เพราะยังอยู่ในกรอบที่คาดไว้ นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องของฝุ่น ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อการใช้จ่ายเม็ดเงินหายไปจากการลดการใช้เงิน เพราะประชาชนไม่ออกไปนอกบ้านมากขึ้นจากปัญหานี้ คาดว่า 1 เดือนเม็ดเงินจะหายไปประมาณ 5,000 -10,000 ล้านบาท แต่ไม่มีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวหรือการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 090861-1927-9-335x503-8-335x503-13-335x503