"มาสด้า"ประกาศลุยไฮบริด-อีวี "ฟอร์ด"ป้องที่3ปิกอัพ

22 ม.ค. 2562 | 07:23 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

“มาสด้า” ทุ่มสุดตัวประกาศแผนปี 2562 ยื่นแผนลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า-ไฮบริด พร้อมเปิดตัวรถใหม่ 6 รุ่น และปรับโฉม-ขยายโชว์รูม “ฟอร์ด” ซุ่มพัฒนาเครือข่าย-บริการหลังการขาย หวังป้องอันดับ 3 ตลาดปิกอัพ

สำรวจแนวรุกของตลาดรถยนต์ปี 2562 เหล่าค่ายเบอร์รองตอนนี้ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาสด้า ที่ล่าสุดสร้างความฮือฮาด้วยการยื่นขอ BOI เพื่อส่งเสริมการลงทุนโครงการรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งแบบบีอีวี และ แบบไฮบริด

“เราตัดสินใจสมัครเข้าไปในโครงการรถยนต์ไฟฟ้า เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเสียโอกาส อีกทั้งบริษัทแม่ก็มีเทคโนโลยีอยู่แล้ว ส่วนการลงทุนนั้นยังไม่มีกรอบขั้นตํ่าว่าจะต้องใช้เงินเท่าไรแต่มีเงื่อนไขที่จะต้องเริ่มภายใน 5 ปี ส่วนอีโคอีวี ที่รัฐมีแนวคิดออกมาใหม่นั้น ยังไม่แน่ใจเรื่องข้อกำหนดหรือเงื่อนไขต่างๆ และ ยังไม่มีการเข้าไปพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย)กล่าว

27_Mazda3_SDN_5HB_EXT_1

 

สำหรับมาสด้า ในปีที่ผ่านมาได้ยื่นบีโอไอในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด ด้วยมูลค่าการลงทุนมากกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท และเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 ก็ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมเพื่อผลิตรถยนตํไฟฟ้า (BEV) ซึ่งรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เบื้องต้นจะเป็นรถไฮบริดก่อน แล้วค่อยไปสู่รถบีอีวี

โดยคาดว่ารถไฮบริดที่จะทำตลาดในไทยรุ่นแรกคือ “มาสด้า 3 โมเดลเชนจ์” (แบบไมลด์ไฮบริด) ซึ่งถือเป็นรถ 1 ใน 6 รุ่นใหม่ที่มาสด้าเตรียมเปิดตัวในปีนี้ และยังมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาสด้าเตรียมทำตลาดครั้งแรกคือ เอสยูวี “ซีเอ็กซ์- 8 ใหม่” ส่วนรุ่นอื่นๆอย่าง มาสด้า2, ซีเอ็กซ์-3 และปิกอัพ บีที-50 จะเป็นการปรับเล็กน้อย หรือออกรุ่นพิเศษมาเพื่อกระตุ้นความสดใหม่เท่านั้น ส่วนรุ่นไมเนอร์เชนจ์แบบจริงจังคือ เอสยูวี “ซีเอ็กซ์-5” และโรดสเตอร์นำเข้า “เอ็มเอ็กซ์-5”

กลยุทธ์ต่อมาที่มาสด้าจะเน้นหนักในปีนี้คือ กิจกรรมส่งเสริมการขาย อาทิ มาสด้า เนกซ์ มินิ จำนวน 90 ครั้ง ,สกายแอคทีฟ เฟสติวัล 30 ครั้ง และงานอื่นอีกกว่า 200 งานเพื่อเพิ่มความถี่และเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น มาสด้ายังมีแผนเพิ่มจำนวนโชว์รูมจาก 139 แห่ง เป็น 144 แห่ง ส่วนโชว์รูมที่มีการปรับปรุงภายใต้ภาพลักษณ์ใหม่ก็ได้ทำไปแล้ว 81 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 115 แห่งภายในปีงบ ประมาณ 2562 ขณะเดียวกันจะเร่งขยายศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง จากปัจจุบันที่มี21 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 28 แห่ง และ 58 แห่งภายในปี 2564

โดยมาสด้าตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้จะมียอดขาย 7.5 หมื่นคัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% และส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 6.7%

MP28-3437-A

“ตลาดรถยนต์ปีนี้ทรงตัว หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาจจะทำได้ 1.03-1.06 ล้านคัน ในส่วนของเราเองปีที่ผ่านมาถือว่าเติบโตเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับมาสด้าทั่วโลก โดยเรามียอดขาย 70,475 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 37% และสามารถครองอันดับ 3 ของรถยนต์นั่งในไทย” นายชาญชัย กล่าว

ด้านเบอร์รองอีก1เจ้าอย่าง “ฟอร์ด” แม้จะมีรถที่ทำตลาดเพียง 3 โมเดลคือปิกอัพ “เรนเจอร์” พีพีวี “เอเวอเรสต์” และรถสปอร์ต “มัสแตง” แต่ในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตกว่า 18% หรือจำนวน 66,064 คัน

ส่วนแผนงานในปี 2562 คาดว่าในแง่ของรถรุ่นใหม่คงยังไม่มีให้เห็น โดยยังคงเน้นไปที่ เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ ขณะที่กลุ่มรถยนต์เก๋งนั้น ฟอร์ด เคยแจ้งมาว่าต้องรอดูความพร้อมด้านต่างๆ รวมไปถึงโอกาสทางการตลาด

 

ขณะที่แผนงานหลังบ้าน หรือในส่วนของเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ จากเดิมในปี 2561 มีจำนวน 155 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ก็จะเพิ่มเป็น 192 แห่ง ซึ่งการขยายจะมีทั้งรูปแบบที่เป็น มินิ 3 เอส และแบบทั่วไป ส่วนโชว์รูมที่เปิดให้บริการแล้ว บางแห่งจะมีปรับแต่งภายในใหม่ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสบาย และจะเสริมเทคโนโลยีเข้ามารองรับลูกค้าในยุคปัจจุบัน นอกจากนั้นแล้วฟอร์ดมีแผนจะขยายศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง จากเดิมมี 35 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้จะมีเพิ่มเป็น 50 แห่ง

“ปีที่ผ่านมาเรามีการพัฒนาอะไหล่เกรดเทียบเท่ากับอะไหล่แท้ และมีราคาจำหน่ายที่ถูกกว่า 10-15% ทั้งนี้เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ไม่เพียงเท่านั้นเรายังตั้งผู้แทนจำหน่ายอะไหล่ฟอร์ดอย่างเป็นทางการ เพื่อมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายของเรา ส่วนปีนี้เราจะมีการปรับแต่งหลังบ้านทั้งโชว์รูมและศูนย์บริการ อีกทั้งจะนำเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ต่างๆเข้ามาใช้ในโชว์รูม ซึ่งเราได้เริ่มต้นทำแล้วที่สาขาดอนเมือง คลองหลวง พัฒนาการ” นายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

ถือเป็นแนวรบจากค่ายมะกัน “ฟอร์ด” ที่แม้จะไม่มีโมเดลใหม่เข้ามาทำตลาด แต่เมื่อดูแผนงานที่บอกเล่ามาก็ถือว่ามาถูกทาง โดยทำหลังบ้านให้แข็งแกร่งก่อน เพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่กำลังตัดสินใจจะเป็นเจ้าของรถฟอร์ดในอนาคต รวมไปถึงลูกค้าในปัจจุบันให้มีความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งต้องรอดูว่าทุกแนวทางที่ได้ประกาศออกมานั้นจะแล้วเสร็จและสำเร็จได้ดั่งที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่

หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,437 วันที่  20 - 23 มกราคม พ.ศ. 2562

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว