"2 สมาคม" ผนึกจี้นายกฯ ทบทวนหลักเกณฑ์ "ดิวตี้ฟรี" - เลิกผูกขาด

18 ม.ค. 2562 | 06:33 น.
"สมาคมร้านค้าปลอดอากร-ผู้ค้าปลีกไทย" ยื่นนายกฯ ทบทวนหลักเกณฑ์สัมปทานดิวตี้ฟรี เลิกผูกขาด-จัดตั้งจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะในสนามบิน-ลดอัตราอากรขาเข้า ชี้! เพิ่มรายได้ 2.7 แสนล้าน/ปี เงินเข้ารัฐ 3.2 หมื่นล้าน/ปี

วันนี้ (18 ม.ค. 62) นางรวิฐา พงศ์นุชิต นายกสมาคมการค้าร้านปลอดอากรไทย และนายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านศูนย์ดำรงธรรม ทำเนียบรัฐบาล เรียกร้อง 3 ประเด็นหลัก คือ 1.ขอให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สัมปทานดิวตี้ฟรี 2.จัดตั้งจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะในสนามบิน และ 3.ลดอัตราอากรขาเข้า

นายวรวุฒิ กล่าวถึงการยื่นหนังสือครั้งนี้ ว่า เนื่องจากทีโออาร์ดิวตี้ฟรีของสนามบินสุวรรณภูมิใกล้จะออกมาแล้ว จึงอยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะสังคมพูดถึงกันมาก ทั้งยังมีหลายสถาบันและหลายหน่วยงานที่ออกมาเรียกร้องและต่อสู้เรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับท่าทีของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และภาครัฐที่ยังไม่ค่อยตอบสนองเท่าที่ควร


ดิวตี้ฟรี2

นางรวิฐา กล่าวเพิ่มเติมว่า สัมปทานดิวตีฟรีรายเดียวในสนามบินนั้น เหมาะสำหรับสนามบินขนาดเล็ก ซึ่งปัจจุบันนี้เหลือเพียงไม่กี่ประเทศในโลก ขณะที่ สนามบินสุรรณภูมิเป็นสนามบินที่มีขนาดใหญ่มาก ทั้งยังจะมีการขยายต่อไปอีก หากมีการผูกขาดเพียงรายเดียวก็จะสะท้อนให้เห็นถึงการกีดกันทางการค้า ไม่เอื้ออำนวยทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งผู้บริโภคด้วย

สำหรับเนื้อหาในการยื่นหนังสือครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ 1.เสนอให้พิจารณาปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข (ทีโออาร์) สำหรับการเปิดประมูลสัมปทานฯ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เปลี่ยนจากระบบสัมปทานรายเดียวมาใช้ระบบสัมปทานหลายรายตามหมวดหมู่สินค้าแทน เช่น หมวดเครื่องสำอาง หมวดสุราและบุหรี่ และหมวดสินค้าแฟชั่น เป็นต้น ซึ่งเป็นระบบสัมปทานที่ได้รับการยอมรับจากประเทศชั้นนำทั่วโลก อาทิ สนามบินอินซอน สาธารณรัฐเกาหลีใต้, สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ และสนามบินฮ่องกง เป็นต้น

2.เสนอให้มีจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะในสนามบินนานาชาติทุกแห่งที่อยู่ในกำกับดูแลของ ทอท. ต้องจัดให้มีขึ้นตามกฎหมายศุลกากร โดยไม่เปิดให้มีสัมปทาน แต่ให้ผู้ประกอบการร้านค้าปลอดอากรในเมืองที่ได้รับอนุญาตจากกรมศุลกากรสามารถเช่าพื้นที่ พร้อมระบบตรงกับ ทอท.


ดิวตี้ฟรี3

และ 3.ให้พิจารณาลดหย่อนอากรขาเข้าสำหรับสินค้าประเภทที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและประเภทที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมซื้อจากต่างประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศให้ดียิ่งขึ้นในระดับภูมิภาค และสร้างผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย ทั้งทางภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย

ทั้งนี้ จากการร่วมศึกษาแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการให้สัมปทานธุรกิจร้านค้าปลอดอากรในประเทศไทย เพื่อให้มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อรัฐและประชาชน พบว่า หากประเทศไทยยกเลิกการผูกขาดธุรกิจร้านค้าปลอดอากร ทั้งภายในสนามบินและในตัวเมือง เปิดเสรีจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะในสนามบิน และปรับอัตราภาษีนำเข้าให้แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้

ประเทศไทยจะเพิ่มรายได้จากอุตสาหกรรมค้าปลีกท่องเที่ยวได้ประมาณ 270,000 ล้านบาทต่อปี เป็นการเพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 3 ของรายได้ จากการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน จะส่งผลาให้ภาครัฐได้รับผลประโยชน์สุทธิรวมกว่า 32,000 ล้านบาทต่อปี

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว