14 โรงนมเอกชนยื้อ! 'กฤษฎา' เซตซีโร่นมโรงเรียน ยก 70% จัดสรรให้กลุ่มสหกรณ์ ชี้! ไม่เป็นธรรมผู้เข้าร่วมโครงการทุกภาคส่วน อ้าง! แบกหนี้ลงทุนเพียบ หวั่นลามปิดกิจการลอยแพลูกจ้าง เกษตรกรเดือดร้อน
โครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียน งบประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท/ปี ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการร่วมโครงการ 64 ราย แบ่งเป็น โรงนมเอกชน 29 ราย สถาบันการศึกษา 11 ราย ภาคสหกรณ์ 21 ราย และรัฐวิสาหกิจ 3 ราย ล่าสุด ปลายเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมโคนมทั้งระบบ เพื่อเตรียมบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ระหว่างทางมีกลุ่มโรงนมเอกชน 14 โรง เข้าพบนายกฤษฎา และขอดึงเรื่องกลับสำเร็จ อ้างเหตุผลมีการจัดสรรที่ไม่เป็นธรรม
นายวสันต์ จีนหลง นายกสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอไรซ์ ในฐานะแกนนำ 14 โรงนมที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดสรรโควตานมโรงเรียนใหม่ เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวขัดกับแผนยุทธศาสตร์โคนม 10 ปี ที่ผ่านที่ประชุมคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือ
"มิลค์บอร์ด" ไปแล้ว แต่แผนที่รัฐมนตรีจะนำเข้าที่ประชุม ครม. เป็นแผนลักไก่ ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของมิลค์บอร์ด หากผ่านความเห็นชอบจะมีประเด็นปัญหาเกิดขึ้นตามมา อาทิ ยุทธศาสตร์ระบุตลาดนมโรงเรียนจะให้ความสำคัญกับภาคสหกรณ์ก่อน (จะได้รับการจัดสรรโควตาสัดส่วน 70% อีก 30% เป็นของภาคส่วนอื่น) แต่ในสภาพความเป็นจริง แหล่งการเลี้ยงโคนมจะมีการกระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่ บางจังหวัดมีโรงงานอยู่เพียงโรงเดียว ดังนั้น จะส่งผลให้โรงงานในพื้นที่ต้องถูกปิดตัวลงโดยปริยาย และนมที่ส่งจำหน่ายในพื้นที่จะมาจากโรงงานห่างไกล อาจส่งผลให้เด็กได้รับผลิตภัณฑ์นมที่ด้อยคุณภาพ
"เราเป็นภาคธุรกิจเอสเอ็มอีที่ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ในพื้นที่ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม หากมีข้อกำหนดดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจไม่สามารถเข้าถึงงบประมาณของรัฐได้อย่างทั่วถึง และไม่เป็นธรรมต่อผู้เข้าร่วมโครงการทุกฝ่าย อาจต้องปิดตัวลงในไม่ช้า ขณะที่ ภาคธุรกิจมีการลงทุนด้านเครื่องจักร เครื่องมืออุปกรณ์ด้านการผลิต การขนส่ง และการเก็บรักษา ตามนโยบายของภาครัฐมาโดยตลอด ปัจจุบัน ยังแบกภาระเงินกู้และดอกเบื้ยจากธนาคาร ต้องผ่อนชำระค่าเครื่องมือ เครื่องจักรอุปกรณ์ การผลิต รถขนส่ง ห้องเย็นสำหรับเก็บผลิตภัณฑ์นมอยู่อีกมาก"
ดังนั้น จึงเห็นควรขอให้ตัดคำว่า
"สิทธินมโรงเรียนให้ความสำคัญกับภาคสหกรณ์ก่อน" เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงงบประมาณของรัฐอย่างเป็นธรรม
และเพื่อไม่ให้ถูกมองว่า "ธุรกิจนี้มีการผูกขาด" ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งข้อสังเกต
สอดคล้องกับ นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย ที่สนับสนุน 14 โรงนมเอกชน เนื่องจากมองว่า นํ้านมดิบที่เอกชนซื้อก็มาจากเกษตรกรและศูนย์รวบรวมนมเช่นเดียวกัน ไม่จำเป็นว่า บริษัทจะมีเกษตรกรเป็นสมาชิกหรือไม่ ดังนั้น ขอให้มีการจัดสรรงบประมาณที่เป็นธรรมน่าจะเพียงพอแล้ว ไม่เช่นนั้นเกษตรกรจะเดือดร้อนตามมา
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,437 วันที่ 20-23 มกราคม 2562