ทางออกนอกตำรา : เอามั้ย เอามั้ย(ไม่)เอา เปิดขายหวยกันทั่วฟ้าเมืองไทย

เปิดศักราชปีหมูหวานไม่นานนัก วันที่ 10 มกราคม 2562 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) บรรจุร่าง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. ...เข้าพิจารณาวาระแรก ก่อนลงมติ “รับหลักการ” ร่าง พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ด้วยคะแนน 140 ต่อ 1 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 1 โดยมีการตั้ง กมธ.ไปพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ภายใน 45 วัน รวม 22 คน

แปลไทยเป็นไทยว่า กฎหมายสลากฯที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2517 กำลังจะมีการแก้ไขปรับปรุงให้สอดรับกับสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไปในอีกไม่เกิน 45 วัน นี้

ผมอยากจะทำความเข้าใจให้ฟังง่ายๆ ว่า กฎหมายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีการแก้ไขฉบับนี้ มีจำนวน 17 มาตรา ตามที่ ครม.นายกฯลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนอมาสาระสำคัญคือ การแก้ไขปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และกำหนดบทลงโทษความผิดกรณีจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด
เนื้อหาสำคัญอยู่ที่มาตรา 7/1 ที่มีการเพิ่มเติมอำนาจคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล “ให้สามารถกำหนดจำนวน รูปแบบ และวิธีการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยความเห็นชอบของ ครม. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง”

เป็นการปรับแก้เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอำนาจแค่ “การกำหนดราคา วิธีการจำหน่าย และการคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล”เท่านั้น

ผลที่ตามมานั้นจะทำให้เกิดการแปรเปลี่ยนในเรื่องการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลไปโดยสิ้นเชิง เพราะอะไรนะหรือขอรับ...

เพราะการแก้ไขและเพิ่มอำนาจแบบนี้จะทำให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สามารถออกสลากรูปแบบใหม่ๆ ตามแบบสากลได้จิปาถะตามที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลจะเห็นสมควร อาทิ สามารถออกสลากรวมชุดมาขายได้ สามารถออกสลาก 2 ตัว 3 ตัว สามารถออกสลากลอตโต้ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขายผ่านทางออนไลน์ หรือ ตู้ขายสลากอัตโนมัติได้อย่างสะดวกโยธิน


นอกจากนี้ในมาตรา 7/2 ยังมีการแก้ไขเรื่องการกำหนดอัตราเงินที่จัดสรรเป็นรายได้แผ่นดิน และค่าใช้จ่ายในการบริหารใหม่ โดยกำหนดว่าเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้รับมาจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในแต่ละงวดให้จัดสรรดังนี้

1. ร้อยละ 60 เป็นเงินรางวัล 2. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 23 เป็นเงินรายได้แผ่นดิน และ 3. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 17 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมถึงในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล

การดีไซน์กฎหมายแบบนี้หลายท่านอาจจะมองภาพแบบเบลอๆ ผมขยายให้เห็นภาพแบบนี้ครับ

อ่าน | ทางออกนอกตำรา : ‘นายกฯลุงตู่’ รู้บ้างมั้ย! สลากแพงได้ใจ ใครกินพุงกาง 
อ่าน | ทางออกนอกตำรา : "พล.อ.อภิรัชต์" ครับ เลิกกินตับคนไทย รู้มั้ย..กำไรสลากเกินราคาปีละ2หมื่นล้าน 
อ่าน |  ทางออกนอกตำรา : หวยร้อนๆผ่านไลน์มาแล้วจ้า เสิร์ฟ-มอมเมารวดเดียว 44 ล้านคน 

เฉพาะในส่วนการบริการจัดการไม่เกิน 17% นี้ จะมีการแบ่งออกเป็นใช้ในการบริหารจัดการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 3% ส่วนที่เหลืออีก 14% เขาจะแยกเป็นดังนี้ใช้เป็นส่วนลดซึ่งถือเป็นรายได้ของตัวแทนรายย่อย 12% จากกฎหมายเดิมที่จะมีส่วนลดอยู่ 7% ทำให้ตัวแทนรายย่อยได้รับกำไรเพิ่ม

เดิมคนขายสลากรายย่อยที่ไปจองซื้อตามตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย หรือขาใหญ่ที่ได้โควตาไปจะได้ส่วนแบ่งจากการจำหน่ายสลากในราคาฉบับละ 80 บาท ส่วนลด 7% ก็ตกประมาณ 5.60 บาทต่อฉบับ แต่เมื่อเพิ่มเป็นส่วนลดขึ้นเป็น 12% เท่ากับว่ารายย่อยจะได้เงินจากการขายสลาก 1 ฉบับคิดเป็นเงิน 9.60 บาทต่อฉบับ

เท่ากับว่าคนที่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เป็นรายย่อย รายใหญ่ที่ปัจจุบันกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ประมาณ 250,000 ราย จะมีรายได้เพิ่มขึ้นแม้จะขายในราคาฉบับละ 80 บาท แต่ถ้าขายเกินราคาเช่น 100 บาทก็จะมีรายได้ที่มากขึ้น
บอร์ดสลากเขาคาดว่าจะทำให้แก้ปัญหาสลากแพงได้ชะงัดนัก จากก่อนหน้าที่แก้ไม่ตก จนมีการพิมพ์สลากเพิ่มจาก 67 ล้านฉบับมาเป็น 90 ล้านฉบับต่องวด แต่ราคาขายยัง 90-100 บาทต่อฉบับอยู่เช่นเดิม

นอกจากนี้ยังเพิ่มบทกำหนดโทษผู้ขายสลากเกินราคาถึงขั้นติดคุก จากโทษปรับเดิม 2,000 บาท ที่ไม่มีใครเกรงกลัว...

และจะมีการออกกฎมาคุมคนขายสลากแบบมืออาชีพด้วยการบังคับให้ผู้ค้าสลากทุกรายต้องมีบัตรประจำตัว โดยบัตรนี้จะมี ชิปฝังอยู่ เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ

อ่านมาถึงตอนนี้คิดอย่างไรครับ....หลายคนบอกว่าดี จะได้แก้ปัญหาสลากแพงได้ หลายคนบอกว่าดี จะได้แก้ปัญหามาเฟียสลากได้

ท่านดูให้ดีนะครับ ผมว่ารัฐบาลกำลังยกหวยใต้ดินมาบนอยู่บนดินอย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน หากกฎหมายฉบับนี้คลอดออกมา

[caption id="attachment_375878" align="aligncenter" width="500"] [/caption]

ท่าน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลประกาศชัดครับว่า สนง.สลากฯยืนยันที่จะกำหนดยอดการพิมพ์สลากไว้ที่ 120 ล้านฉบับ หรือ 60 ล้านคู่ ปัจจุบันมีการพิมพ์อยู่ 90 ล้านฉบับ นั่นหมายความว่ายังมีช่องทางในการพิมพ์เพิ่มอีก 30 ล้านฉบับ

ยอดพิมพ์สลากขายในปัจจุบัน 90 ล้านฉบับ ถ้าราคาขายฉบับละ 80 บาท รายได้จะตกงวดละ 7,200 ล้านบาท

ออกขายเดือนละ 2 งวด รายได้จริงเท่ากับ 14,400 ล้านบาท ปีหนึ่งยอดขายสลากจะตกประมาณ 172,800 ล้านบาท ถ้าจ่ายกำไรยี่ปั๊วซาปั๊วที่ขายสลากให้ตามกฎหมายใหม่ 12% เท่ากับว่าผู้ค้ารายย่อย 250,000 รายจะมีรายได้ตกปีละ 20,736 ล้านบาท ท่านคิดว่าเค้กก้อนโตชิ้นนี้จะไปอยู่ในมือใครบ้าง และท่านคิดว่าเมื่อรายได้มากขนาดนี้ตลาดสลากบนดินจะคึกคักขนาดไหน
ท่านประธานกรรมการสลากฯบอกชัดว่า การแก้ไขพ.ร.บ.สลากนั้น จะเปิดทางให้เพิ่มผลิตภัณฑ์สลากใหม่ๆได้มากขึ้น

ท่านไม่บอกว่ารูปแบบไหน แต่ผมบอกได้ว่าจะมีการออกสลากมาขายในหลากหลายรูปแบบมากขึ้นหลังจากนี้ไป ยิ่งเมื่อไปดูกฎหมายในมาตรา 10 กำหนดว่า “หากการออกรางวัลในงวดใดไม่มีผู้มารับเงินรางวัล ให้นำเงินดังกล่าวสมทบเพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลในงวดถัดไป” เท่ากับว่าเปิดทางให้มีการนำรางวัลมาใช้เพื่อ “แจ๊กพอต” ใช่หรือไม่ เพราะหากสำนักงานสลากฯ ไม่นำเงินรางวัลดังกล่าวมาสมทบจ่ายเป็นเงินรางวัลในงวดถัดไป กฎหมายบังคับให้นำเงินดังกล่าวส่งเป็นรายได้แผ่นดิน

อ่าน | ถึงยุคดิสรัปชั่น ยันธุรกิจหวย 
อ่าน | นิด้าโพลสำรวจ“คนไทยคิดอย่างไรกับหวยออนไลน์ - ล็อตโต้” 

สลากและหวยบนดินกำลังจะเบ่งบานมหาศาลเกินกว่าที่คนไทยจะคาดคิด

ข้อมูลที่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ศึกษาแล้วพบว่า คนไทยซื้อหวยรวมกันปีละ 2.5 แสนล้านบาท และมีถึง 1,300,000 คน ที่เข้าข่ายติดหวย ถ้าซื้อหวยติดต่อกันอาจจะเทียบกับการซื้อบ้านได้ 1 หลัง โดยพฤติกรรมของมนุษย์เงินเดือนเเละเจ้าของกิจการพบว่า มีกว่า 9 ล้านคนซื้อหวย โดยแบ่งเป็นชอบ 7,600,000 คน และติดหวย 1,300,000 คน และคนไทยประมาณ 20 ล้านคน ซื้อลอตเตอรี่และหวย รวมกันกว่า 2.5 แสนล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 3 เท่าของมูลค่าซื้อกองทุน LTF และ RMF หรือเทียบเท่ากับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

เพราะคนส่วนใหญ่ ที่ซื้อลอตเตอรี่เพราะหวังรวยทางลัด และอยากเสี่ยงโชค อาจต้องมาปรับกันใหม่ในไม่ช้าถ้ากฎหมายนี้ผ่าน...หวยกำลังจะบานทั่วประเทศไทยขอรับนายท่าน

| คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา
| โดย : บากบั่น บุญเลิศ
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3436 หน้า 6 ระหว่างที่ที่ 17-19 ม.ค.2562