สินค้าจาก "ผ้าใยสับปะรด" รุ่ง! ลูกค้าญี่ปุ่น-ยุโรปแห่จองออเดอร์
พาณิชย์ปลื้ม! สินค้าท้องถิ่นผลิตภัณฑ์จาก "ผ้าใยสับปะรด" ออเดอร์นอกทะลัก เร่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ รักษามาตรฐาน ดันสร้างชื่อโกยรายได้เข้าประเทศ ขณะช่วยสร้างรายได้ชุมชนเพิ่ม
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ทางกรมอยู่ระหว่างการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในระดับชุมชนพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและมีมาตรฐาน โดยกลุ่มผู้ผลิตเสื้อผ้าจากใยสับปะรดถือเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของสินค้าท้องถิ่นที่มีการดัดแปลงจนสามารถผลักดันให้กลายเป็นสินค้าส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ผลิต และสร้างรายให้กับผู้ปลูกสับปะรด ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้กำหนดนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน และการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ เวลานี้ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยสับปะรดมีความหลากหลาย เช่น ทำเป็นผ้ารองจาน พรม กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เป็นต้น
โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นของใยสับปะรด คือ ความเหนียว ทนทาน สามารถนำมาผลิตเป็นสินค้าได้ และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากที่กรมได้นำผู้ประกอบการออกงานแสดงสินค้า ได้รับความสนใจจากลูกค้าต่างประเทศเป็นอย่างมาก และมีการสั่งจองล่วงหน้าทันที
"สินค้าที่ผลิตจากเส้นใยสับปะรด ช่วยลดมลพิษของเสียจากวัตถุดิบเหลือทิ้งทางการเกษตร ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวและให้การสนับสนุน ปัจจุบัน หลายหน่วยงานได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ในการนำใบสับปะรดมาปั่นเป็นเส้นใยธรรมชาติสู่การผลิตสิ่งทอ ช่วยยกระดับความสามารถในพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้น แนวทางส่งเสริมของกรมได้ให้ความสำคัญด้านความรู้ การพัฒนารูปแบบ และดีไซน์ การสร้างแบรนด์ และการช่วยหาตลาดสินค้าเพิ่มเติม โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว จากเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม"
ด้าน นางปริยากร ธรรมพุทธสิริ ผู้ผลิตและจำหน่าย หจก.รักษ์บ้านเรา สงขลา หนึ่งในผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เคยเข้าร่วมโครงการ "ต้นกล้าทูโกล" ของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA ที่อยู่ในความดูแลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จ.สงขลา มีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ขึ้นชื่ออยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ ผ้าขาวม้าเกาะยอ และตนได้ประกอบกิจการเกี่ยวกับผ้าขาวม้า ทั้งเป็นผู้ผลิตผ้าและแปรรูปเป็นเสื้อผ้าลายผ้าขาวม้า ซึ่งได้เข้าอบรมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จ.สงขลา และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยหลังจากที่ได้เข้ารับการอบรมกับ NEA ทำให้ได้รับความรู้และมองเห็นจุดบกพร่องของผลิตภัณฑ์ จึงเร่งดำเนินการแก้ไขและพัฒนาต่อยอด จนทำให้กรมสนใจและเชิญชวนกลุ่มเข้าร่วมแสดงสินค้าในงาน STYLE Bangkok ทำให้ความฝันที่จะส่งสินค้าออกไปขายยังต่างประเทศกลายเป็นความจริงขึ้นมาในทันที เพราะมีหลายประเทศให้ความสนใจ อาทิ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ ฯลฯ และมียอดสั่งจองสินค้าไว้ล่วงหน้าจำนวนมาก
"ยอดขายของกลุ่มฯ ขยายตัวถึง 100% เพราะเดิมที่ขายผ้าขาวม้าวัตถุดิบธรรมดาทั่วไปราคา 200-300 บาท แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบเป็นใยสับปะรด บวกกับการดีไซน์สินค้าให้มีความทันสมัยและสวยงามตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ตรงจุด ทำให้สินค้าที่ผลิตสามารถตั้งราคาขายได้สูงถึงชุดละ 3,000-5,000 บาท เลยทีเดียว และผลของการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ใยสับปะรด นอกจากจะทำให้สินค้ามีมูลค่าสูงขึ้นแล้ว ยังได้สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเพิ่มขึ้น จากการนำเอาวัตถุดิบที่ไม่มีมูลค่ามาทำให้เกิดมูลค่า โดยทางกลุ่มฯ ได้รับซื้อใยสับปะรดจากชุมชนในราคากิโลกรัมละ 300-600 บาท ขณะที่ กลุ่มทอผ้าจากเดิมที่มีรายได้เมตรละ 50 บาท หลังจากได้มีการพัฒนาสินค้าด้วยใยสับปะรด ก็มีรายได้เพิ่มเป็นเมตรละ 150–250 บาท ถือเป็นการสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง"
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ทางกรมอยู่ระหว่างการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในระดับชุมชนพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและมีมาตรฐาน โดยกลุ่มผู้ผลิตเสื้อผ้าจากใยสับปะรดถือเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของสินค้าท้องถิ่นที่มีการดัดแปลงจนสามารถผลักดันให้กลายเป็นสินค้าส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ผลิต และสร้างรายให้กับผู้ปลูกสับปะรด ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้กำหนดนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน และการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ เวลานี้ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยสับปะรดมีความหลากหลาย เช่น ทำเป็นผ้ารองจาน พรม กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เป็นต้น
โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นของใยสับปะรด คือ ความเหนียว ทนทาน สามารถนำมาผลิตเป็นสินค้าได้ และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากที่กรมได้นำผู้ประกอบการออกงานแสดงสินค้า ได้รับความสนใจจากลูกค้าต่างประเทศเป็นอย่างมาก และมีการสั่งจองล่วงหน้าทันที
"สินค้าที่ผลิตจากเส้นใยสับปะรด ช่วยลดมลพิษของเสียจากวัตถุดิบเหลือทิ้งทางการเกษตร ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวและให้การสนับสนุน ปัจจุบัน หลายหน่วยงานได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ในการนำใบสับปะรดมาปั่นเป็นเส้นใยธรรมชาติสู่การผลิตสิ่งทอ ช่วยยกระดับความสามารถในพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้น แนวทางส่งเสริมของกรมได้ให้ความสำคัญด้านความรู้ การพัฒนารูปแบบ และดีไซน์ การสร้างแบรนด์ และการช่วยหาตลาดสินค้าเพิ่มเติม โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว จากเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม"
ด้าน นางปริยากร ธรรมพุทธสิริ ผู้ผลิตและจำหน่าย หจก.รักษ์บ้านเรา สงขลา หนึ่งในผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เคยเข้าร่วมโครงการ "ต้นกล้าทูโกล" ของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ NEA ที่อยู่ในความดูแลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จ.สงขลา มีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ขึ้นชื่ออยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ ผ้าขาวม้าเกาะยอ และตนได้ประกอบกิจการเกี่ยวกับผ้าขาวม้า ทั้งเป็นผู้ผลิตผ้าและแปรรูปเป็นเสื้อผ้าลายผ้าขาวม้า ซึ่งได้เข้าอบรมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจของมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จ.สงขลา และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยหลังจากที่ได้เข้ารับการอบรมกับ NEA ทำให้ได้รับความรู้และมองเห็นจุดบกพร่องของผลิตภัณฑ์ จึงเร่งดำเนินการแก้ไขและพัฒนาต่อยอด จนทำให้กรมสนใจและเชิญชวนกลุ่มเข้าร่วมแสดงสินค้าในงาน STYLE Bangkok ทำให้ความฝันที่จะส่งสินค้าออกไปขายยังต่างประเทศกลายเป็นความจริงขึ้นมาในทันที เพราะมีหลายประเทศให้ความสนใจ อาทิ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ ฯลฯ และมียอดสั่งจองสินค้าไว้ล่วงหน้าจำนวนมาก
"ยอดขายของกลุ่มฯ ขยายตัวถึง 100% เพราะเดิมที่ขายผ้าขาวม้าวัตถุดิบธรรมดาทั่วไปราคา 200-300 บาท แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบเป็นใยสับปะรด บวกกับการดีไซน์สินค้าให้มีความทันสมัยและสวยงามตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ตรงจุด ทำให้สินค้าที่ผลิตสามารถตั้งราคาขายได้สูงถึงชุดละ 3,000-5,000 บาท เลยทีเดียว และผลของการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ใยสับปะรด นอกจากจะทำให้สินค้ามีมูลค่าสูงขึ้นแล้ว ยังได้สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเพิ่มขึ้น จากการนำเอาวัตถุดิบที่ไม่มีมูลค่ามาทำให้เกิดมูลค่า โดยทางกลุ่มฯ ได้รับซื้อใยสับปะรดจากชุมชนในราคากิโลกรัมละ 300-600 บาท ขณะที่ กลุ่มทอผ้าจากเดิมที่มีรายได้เมตรละ 50 บาท หลังจากได้มีการพัฒนาสินค้าด้วยใยสับปะรด ก็มีรายได้เพิ่มเป็นเมตรละ 150–250 บาท ถือเป็นการสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง"
