TMBAM จับมือ 'อีสท์สปริง' ประเดิมกองแรก ลุยอสังหาฯ เอเชีย

23 ม.ค. 2562 | 07:12 น.
ท่ามกลางกระแสข่าวการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ในฐานะผู้ถือหุ้น 35% ในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทยฯ หรือ TMBAM กับธนาคารธนชาต ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด กระแสข่าวระบุว่า ใกล้จะได้ข้อสรุปและมีโอกาสที่จะลงนามในสัญญาการควบรวมกิจการภายในเดือน ม.ค. นี้ "นายสมจินต์ ศรไพศาล" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทยฯ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบเรื่องนี้ได้ เพราะไม่รู้รายละเอียด ซึ่งทาง 'อีสท์สปริง' ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่เองก็ไม่ได้สอบถามอะไรเข้ามาเพิ่มเติมอีกด้วย

ทั้งนี้ หลังจาก ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ตัดสินใจขายหุ้นสัดส่วน 65% ที่ถือใน บลจ.ทหารไทย ให้กับ บริษัท อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ (สิงคโปร์) จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจบริหารสินทรัพย์ของ กลุ่มบริษัท พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย จำกัด (PLCL) และยังมีข้อตกลงว่า จะขายส่วนที่เหลืออีก 35% ในอนาคต

 

[caption id="attachment_375385" align="aligncenter" width="428"] Dr.Somjin_ สมจินต์ ศรไพศาล[/caption]

"สมจินต์" กล่าวเพียงว่า ผมไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด ทราบเพียงว่า ในสัญญาเป็นการเปิดเงื่อนไขให้กับอีสท์สปริงซื้อเพิ่มอีก 35% ได้ แต่ไม่แน่ใจว่ามีเงื่อนเวลาหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับทางอีสท์สปริง ทิศทางจากนี้จะเป็นการทำงานร่วมกัน ช่วยกันคิดช่วยกันทำ โดยที่ในส่วนของ บลจ.ทหารไทยฯ ยังบริหารของเราต่อไป เพียงแต่จะใช้ประโยชน์จากความรู้ความชำนาญของอีสท์สปริงเข้ามาช่วยให้เราบริการนักลงทุนได้ดีขึ้น กองทุนอะไรที่เราบริหารจัดการได้ดีอยู่แล้ว อย่าง บลจ.ทีเอ็มบี จะเป็นผู้นำ Property Income ซึ่งเราลงทุนในต่างประเทศอยู่แล้ว แต่ต่างประเทศที่เราไปลงทุนนั้นก็อาจจะแคบกว่าที่อีสท์สปริงเขาลงทุน ก็จะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งเข้าไปจากเดิมที่เราแข็งแกร่งอยู่แล้ว

"บทบาทของเราหลังจากนี้ ผมคิดว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป บทบาทสำคัญที่ผ่านมา คือ การทำให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จทางการเงิน บรรลุความฝันต่าง ๆ ที่พวกเขามี สามารถจัดทัพลงทุนให้บรรลุประสงค์ให้กับความฝันต่าง ๆ ของเขาได้ แต่การที่เรามีอีสท์สปริงเข้ามาเป็นผู้ลงทุน เป็นพันธมิตรใหม่ จะทำให้เราเป็นคู่ชีวิตการลงทุนของลูกค้าให้มากขึ้น เพราะสามารถเพิ่มโอกาสของเครื่องมือการลงทุนและสามารถจะเข้าใจนักลงทุนมากขึ้น เพราะเรามีกลุ่มที่เป็น Global Investor จริง ๆ ที่จะมาช่วยเรา ซึ่ง 4 เดือนที่ผ่านมา เราทำงานร่วมกันอย่างหนัก แต่ก็สนุก ความท้าทายเหล่านี้ ทำให้เราค่อย ๆ พัฒนารูปแบบการบริการจัดการของเรา ซึ่งมีประสิทธิภาพขึ้น"

ทั้งนี้ เราได้ประเดิมออกกองแรก คือ กองทุนเปิด "ทีเอ็มบี อีสท์สปริง" Asia Pacific Property Flexible ซึ่งกำลังจะเปิดขายให้กับนักลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) วันที่ 21-29 ม.ค. นี้ โดยจะเห็นได้ว่า ความเข้าใจที่เรามีต่อนักลงทุนไทย ทำให้เราได้ออกกองทุน "พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส" มาแล้ว ซึ่งใน 4 ปีที่ผ่านมา ขยายกองทุนได้ถึง 36,000 ล้านบาท จ่ายเงินปันผลไปแล้วถึง 15 ครั้ง เป็นการตอบโจทย์ความเข้าใจของลูกค้าที่ต้องการกระแสรายได้ที่ค่อนข้างเสถียร


บาร์ไลน์ฐาน

อย่างไรก็ตาม เมื่อกองทุนของเราใหญ่ขึ้น โอกาสของการลงทุนที่มีอยู่ในกองทุนเดิมอาจจะแคบเกินไป นี่จึงเป็นโอกาสพิเศษที่ความร่วมมือของอีสท์สปริง ซึ่งมีทีมงานที่มีความชำนาญในพร็อพเพอร์ตี้ในเอเชียอย่างมาก และเป็นภูมิภาคที่กำลังขยายตัวอย่างดีในแง่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลงลึกลงไปจะเห็นองค์ประกอบ การเติบโตของกลุ่มคนทำงาน มาพร้อมกับอัตราค่าจ้างที่ดี สูงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ ทำให้ Demand ต่าง ๆ ในเอเชียมีมาก จึงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนของการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์

"เป็นโอกาสที่เราสามารถนำเสนอการลงทุนให้กับนักลงทุนไทยได้ดีขึ้น เพราะจะลงทุนทั้งใน REITs และบริษัทผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และจังหวะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะชัดเจนแล้วว่า ปี 2562 ดอกเบี้ยในอเมริกาจะถึงจุดสูงสุด ทำให้ปัจจัยแห่งความผันผวนที่เราเผชิญมาในปี 2561 ลดน้อยถอยลง แล้วการที่อีสท์สปริงชำนาญในเรื่อง Value Investment ก็เชื่อว่าการปรับตัวของอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้นำระดับราคามาอยู่ในจังหวะที่เหมาะสม"

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,436 วันที่  17 - 19 มกราคม พ.ศ. 2562

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-16-503x62