'บลูมเบิร์ก' ยก "ท่องเที่ยวไทย" ทำรายได้ติดอันดับ 4 ของโลก

15 ม.ค. 2562 | 11:13 น.
รายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยทำรายได้มากกว่า 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 1.82 ล้านล้านบาท ตามที่บลูมเบิร์กเก็บรวบรวมตัวเลขเมื่อปี 2560 ถือว่าสูงสุดในทวีปเอเชีย โดยทิ้งห่างจากอันดับ 2 คือ 'มาเก๊า' ที่ทำเงินไปได้ 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงิน 1.15 ล้านล้านบาท ในขณะที่ ญี่ปุ่นได้ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นจำนวน 1.09 พันล้านบาท ส่วนฮ่องกงและจีนต่างทำได้ 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.06 พันล้านบาท

pattaya
เมื่อดูรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยสามารถทำรายได้จากการท่องเที่ยวติดอันดับ 4 ของโลก โดยอันดับ 1 คือ สหรัฐฯ ทำรายได้ 211,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, อันดับ 2 สเปน 68,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และอันดับ 3 คือ ฝรั่งเศส 61,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

จากตัวเลขที่บลูมเบิร์กรวบรวมยังพบว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยจับจ่ายใช้สอยอยู่ที่ประมาณ 173 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเป็นเงินประมาณ 5,530 บาทต่อวัน ซึ่งหากใช้ชีวิตอยู่ที่ดูไบจะต้องใช้เงินถึง 537 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน หรือประมาณ 17,184 บาทต่อวัน และสิงคโปร์จะต้องใช้เงินเป็นจำนวน 286 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน หรือประมาณ 9,152 บาทต่อวัน โดยเมื่อเปรียบเทียบแล้วค่าใช้จ่ายในไทยถูกกว่าประเทศเหล่านี้

โดยจุดเด่นของประเทศไทยนั้น คือ มีความหลากหลายที่สามารถสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในทุกระดับชั้น เช่น เกาะส่วนตัวที่มีวิลล่าส่วนตัว ขณะเดียวกันก็มีสตรีทฟู้ดราคาถูก ความหลากหลายของอาหารและสินค้าต่าง ๆ ในแต่ละท้องที่ โดยอาหารไทยหลายชนิดที่ติดอันดับต้น ๆ ของโลก ก่อนหน้านั้น สำนักข่าว CNN มีการจัด 50 อันดับอาหารยอดนิยมในโลก ปรากฏว่า ส้มตำติดอันดับที่ 48 ส่วนต้มยำกุ้งอยู่ในอันดับที่ 8 และแกงมัสมั่นถูกจัดให้เป็นอันดับ 1 ในทำเนียบอาหารยอดนิยมด้วย

595959859