'มาสด้า' เตรียมเปิดรถ 6 รุ่น พร้อมยื่นบีโอไอผลิต "รถไฟฟ้า"

15 ม.ค. 2562 | 09:36 น.
'มาสด้า' ประกาศลุย "รถยนต์ไฟฟ้า" เต็มสูบ หลังยื่นขอบีโอไอผลิตรถบีอีวี ส่วนรุ่นไฮบริด คาดว่าจะเปิดตัวและทำตลาดในปีนี้ มั่นใจแผนรุกดันยอดขายปี 62 ทะลุ 7.5 หมื่นคัน

[caption id="attachment_375332" align="aligncenter" width="503"] 578714926 578714926[/caption]

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ผลการดำเนินธุรกิจปี 2561 ที่ผ่านมา มาสด้าสามารถทำยอดขายกว่า 7 หมื่นคัน เติบโต 37% และปีนี้พร้อมเดินหน้าบุกตลาดต่อเนื่องกับรถยนต์รุ่นใหม่อีก 6 รุ่น ทั้งรถเก๋ง รถอเนกประสงค์ และรถครอสโอเวอร์ ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ เทคโนโลยี SKYACTIV-X และ Hybrid โดยมั่นใจปีนี้ยอดขายมากกว่า 7.5หมื่นคัน และครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 6.7%

ขณะเดียวกัน มาสด้ายังยื่นขอรับการส่งเสริมเพื่อผลิตรถยนตํไฟฟ้า (BEV) โดยยื่นเรื่องไปที่บีโอไอเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างไรก็ดี ในปีที่ผ่านมา มาสด้าก็ได้ยื่นบีโอไอในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด ด้วยมูลค่าการลงทุนมากกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท

สำหรับยอดขายของมาสด้าในปี 2561 สามารถทำได้ 70,475 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 37% โดยรถมาสด้า2 ขึ้นแท่นครองอันดับ 1 ตลาดรถเก๋งเล็ก ด้วยยอดขาย 45,972 คัน เพิ่มขึ้น 45% ในขณะที่ รถอเนกประสงค์ CX-5 คว้ายอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ 8,184 คัน เพิ่มขึ้น 69% ในส่วนรถปิกอัพ บีที-50 โปร ทำยอดขาย 7,498 คัน เพิ่มขึ้น 26% ซึ่งผลการตอบรับด้านยอดขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งการตลาด 6.7% ถือเป็นส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดของมาสด้าทั่วโลก

Mazda_4 (1)

ขณะที่ ตลาดรถยนต์รวมในปี 2562 จะทรงตัวหรือเติบโตขึ้นเล็กน้อย โดยประมาณการตัวเลขอยู่ที่ 1.03–1.06 ล้านคัน ส่วนยอดขาย มาสด้ามองว่า ปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 7.5 หมื่นคัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5–10% และส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 6.7%

"ปีนี้ยังคงเน้นการบริการลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย ด้วยการเสริมศักยภาพของทีมงานในองค์กร รวมถึงทีมงานของผู้จำหน่าย ที่สำคัญ ปีนี้ถือเป็นปีทองของมาสด้าที่จะทำการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดมากถึง 6 รุ่น และมาพร้อมกับรูปลักษณ์การออกแบบจาก โคโดะ ดีไซน์ เจนเนอเรชั่น 2 และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟใหม่ ควบคู่ไปกับการกำหนดกลยุทธ์การสื่อสาร ที่ฝ่ายการตลาดได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น"

ด้าน นายอัตสึชิ ยาซูโมโต้ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักที่สำคัญของมาสด้า ด้วยยอดขายอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน สูงสุดติดกันมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ที่สำคัญ มาสด้า มอเตอร์ ยังคงให้การสนับสนุน มาสด้า ประเทศไทย อย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ทั้งการลงทุนและเทคโนโลยี ในปีนี้มาสด้ากำลังจะก้าวไปสู่รถยนต์ในเจเนอเรชั่นที่ 7 และการมาของเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด SKYACTIV-X ซึ่งเป็นการผสมผสานคุณลักษณะเด่นของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลรวมไว้ด้วยกัน

"เมื่อกล่าวถึงเรื่องเครื่องยนต์ ผมคงจะต้องกล่าวถึงเรื่องเทคโนโลยีทางด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV โดยเครื่องยนต์ SKYACTIV-X นั้น เราได้ผนวกเทคโนโลยีไฟฟ้าเข้ามาด้วย ซึ่งในส่วนนี้ เราได้คิดตั้งแต่เริ่มกระบวนการพัฒนา หรือ Well-to-Wheel ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผ่านกระบวนการทำงานของรถยนต์ทั้งคัน เพราะมาสด้าได้เล็งเห็นปัญหาในเรื่องของภาวะโลกร้อน จึงเป็นที่มาของนโยบาย Sustainable Zoom-Zoom 2030"

ด้าน นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า ปีนี้ออนไลน์จะแข็งแกร่งมากขึ้น โดยมาสด้าจะกำหนดสไตล์ของแบรนด์ หรือ Mazda Brand Style เพื่อให้เกิดการจดจำและสร้างการรับรู้ของแบรนด์ และปูทางไปสู่การมาของรถยนต์มาสด้าเจนเนอเรชั่นที่ 7 โดยได้ปรับเปลี่ยนทั้งในส่วนของโลโก้ รูปแบบตัวอักษร ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งการวางองค์ประกอบของภาพถ่าย และพื้นที่ในการจัดแสดงรถ ทั้งภายในโชว์รูมและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด นอกจากนี้ มาสด้าจะทำการปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ ซึ่งจะเผยโฉมในเร็ว ๆ นี้

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว

ด้าน ดร.ปณัสย์ บุญค้ำ รองประธานบริหารฝ่ายบริการหลังการขาย กล่าวว่า มาสด้าจะเร่งขยายศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง จากปัจจุบันที่เปิดให้บริการไปแล้ว 21 แห่งทั่วประเทศ ในปีนี้มีเป้าหมายเพิ่งเป็น 28 แห่ง และภายในปี 2021 จะเพิ่มขึ้นเป็น 58 แห่ง

นอกจากนี้ จะเร่งพัฒนาประสิทธิภาพของช่องซ่อม ราคาอะไหล่ที่สามารถแข่งขันได้ การจัดส่งอะไหล่ต้องรวดเร็ว ปัจจุบัน เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีการจัดส่งอะไหล่ 3 ครั้งต่อวัน ส่วนต่างจังหวัดจัดส่ง 1 ครั้ง ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งการปรับปรุงคุณภาพศูนย์บริการและประสิทธิภาพบุคลากรของผู้จำหน่ายต้องมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

นายสมหมาย แซ่อึ้ง รองประธานบริหารฝ่ายขาย กล่าวว่า มาสด้ามีแผนงานที่สำคัญ 2 ข้อ ได้แก่ เพิ่มปริมาณการจัดกิจกรรมบนโชว์รูม และกิจกรรมโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น โดยแบ่งออกเป็น การจัดงานที่โชว์รูม ภายใต้ชื่องาน คือ "MAZDA NEXT EXPERIENCE" และการจัดงานที่ห้างสรรพสินค้า คือ "MAZDA SKYACTIV FESTIVAL"

ปัจจุบัน มาสด้ามีโชว์รูมทั้งหมด 139 แห่ง จะขยายเพิ่มขึ้นอีก 5 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2561 มีการปรับปรุงโชว์รูมภายใต้ภาพลักษณ์ใหม่ไปแล้ว 81 แห่ง และจะเพิ่มขึ้นเป็น 115 แห่ง โดยจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปีงบประมาณ 2562

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก