"มอเตอร์ไซค์"ขาลงเซ่นพิษสินค้าเกษตร-ฮอนด้าคาดยอดตํ่า1.72 ล้านคัน
ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยซึมยาว หลังยอดขายปี 2561 ลดลง 1% ค่ายใหญ่ “ฮอนด้า” คาดปีนี้ร่วงเหลือ 1.72 ล้านคัน ชี้เศรษฐกิจผันผวน ราคาพืชผลการเกษตรตกตํ่า ประเดิมเปิดรถใหม่ 4 รุ่น ยันลุยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าปีนี้
ปิดผลงานปี 2561 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปแบบมีผู้สมหวังและผิดหวัง เพราะเมื่อมองไปที่ตลาดรถยนต์นั้น ยอดขายทะลุ 1 ล้านคัน โดยตัวเลขเป็นบวกกันแทบทุกค่าย แต่เมื่อหันกลับมาดูตลาดรถจักรยานยนต์ในภาพรวมกลับมีตัวเลขติดลบ 1% ด้วยจำนวน 1.79 ล้านคัน ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มียอดขายรวม 1.81 ล้านคัน
โดยต้นปี 2561 หลายค่ายผู้ผลิตรถจักร ยานยนต์ต่างประเมินว่า ตัวเลขการขายจะทะลุไปถึง 1.87 ล้านคัน แต่เมื่อเดินมาถึงครึ่งทาง สถานการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ทำให้ต้องปรับเป้าหมายใหม่ พร้อมเข็นทุกกลยุทธ์ออกมาแข่งขันกัน
“เมื่อดูจากจีดีพี ที่ประเมินกันว่าจะเติบโต รวมไปถึงความเคลื่อนไหวเรื่องการเลือกตั้ง ทำให้เราคาดว่าตลาดน่าจะดี แต่พอผ่านไปครึ่งปี กลับพบว่าตลาดรถจักรยานยนต์ตัวเลขลดลง เพราะสภาพเศรษฐกิจมีความผันผวน ราคาพืชผลทางการเกษตร อาทิ ราคายาง ยังไม่ดี รวมไปถึงภาคการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวหายไป” นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวและว่า
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ภาพรวมตลาดลดลง และฮอนด้าก็ได้รับผลกระทบ ทำยอดขายในปี 2561 ได้ 1.4 ล้านคัน ลดลงเมื่อเทียบกับ ปี 2560 ที่ทำได้ 1.42 ล้านคัน ขณะที่เป้าหมายของปี 2562 ฮอนด้าตั้งเป้าไว้ที่ 1.36 ล้านคัน ส่วนตลาดรวมคาดว่าจะอยู่ที่ 1.72 ล้านคัน
“ทิศทางตลาดปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยการลงทุนต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชนยังคงมี แต่ในแง่ภาคการเกษตร ราคาพืชผลรวมไปถึงท่องเที่ยว อุตสาหกรรมต่างๆก็คาดว่าจะเท่าเดิม ส่วนการประกาศเลือกตั้ง ก็ดีขึ้นมานิดหนึ่งแต่ไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไทยยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว เพราะระบบคมนาคมขนส่งยังไม่สะดวก ผู้บริโภคต้องมีรถส่วนตัว โดยเราประเมินว่าตัวเลขการขายรถในแต่ละปีจะอยู่ที่ 1.7- 1.8 ล้านคัน”
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้เป้าหมายที่ฮอนด้าวางไว้ หากนำไปเทียบกับปีก่อนๆถือว่าลดลงมาก ซึ่งฮอนด้ายังคงเดินหน้าเต็มที่ โดยปีนี้ยังคงใช้แบรนด์เมสเสจ “WHAT STOPS YOU? มุ่งไป อย่าให้อะไรมาหยุด”และจะเน้นเชิงรุกเพื่อเข้าหาลูกค้าในยุคดิจิตอล
“ลูกค้าในยุคปัจจุบันมีความเป็นตัวเองสูง ดังนั้นเราจึงต้องใช้ INSIGHT CENTRIC เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้า และรู้ในเชิงลึก ซึ่งในปีที่ผ่านมาเราได้ซื้อซอฟต์ บิ๊ก ดาต้าเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า” นายสุชาติกล่าวสรุป
ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ทำให้แผนงานในปีนี้ ฮอนด้าประเดิมด้วยการเปิดตัวรถยอดนิยมของฮอนด้า นั่นก็คือ ออล นิว ฮอนด้า เวฟ 110ไอ โฉมใหม่ และอีก 3 รุ่นที่เป็นการปรับโฉมและเปลี่ยนสี ได้แก่ ฮอนด้า ซูเปอร์ คัพ สีใหม่ คือสีส้ม-ขาว และ สีฟ้า-ขาว ราคา 47,100 บาท, ฮอนด้า ซีอาร์เอฟ250แอล สีดำใหม่ ราคาช่วงแนะนำ 134,600 บาท และฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ 150 ใหม่ ราคา 83,300 บาท โดยทุกรุ่นวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศในเดือนมกราคมนี้
[caption id="attachment_374628" align="aligncenter" width="335"]
[/caption]
ขณะที่แผนงานในกลุ่มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ในปีที่ผ่านมามีการส่ง พีซีเอ็กซ์ ไฮบริด ออกสู่ตลาด และทำยอดขายสะสมได้ประมาณ 1,000 คัน และฮอนด้าตั้งเป้าหมายการขายต่อปีที่ 2,000 คัน ซึ่งก็ถือว่าค่อยๆขยับ ส่วนพีซีเอ็กซ์ อีวี ที่เปิดขายในญี่ปุ่นเมื่อปีที่ผ่านมา มีโอกาสที่จะขายในไทยหรือไม่นั้น เบื้องต้นทางฮอนด้าเผยว่าต้องทำการศึกษาก่อน
“การทำตลาดรถจักร ยานยนต์ไฟฟ้าต้องศึกษา หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้าที่จะมารองรับ การกำจัดซากแบตเตอรี่ กฎหมายข้อบังคับต่างๆ อย่างไรก็ตามเราจะลองทำตลาดแบบ บีทูบี ก่อน ซึ่งเบื้องต้นจะเข้าไปทดลองที่มหาวิทยาลัยในไทย และ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อย่างแสนสิริ เพื่อดูลักษณะการใช้งาน, พฤติกรรมของผู้บริโภค หรือหากภาครัฐสนใจเราก็พร้อมเข้าไปพูดคุย ซึ่งความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เราจะประกาศอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2562” นายโยอิจิ มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว
ถือเป็นการประกาศแนวรบของผู้นำในตลาด 2 ล้ออย่างค่ายฮอนด้า คงต้องมารอดูว่ากลยุทธ์ต่างๆที่ได้วางไว้จะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางสภาวะตลาดที่หดตัว และ การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทั้งจากคู่แข่งหน้าเก่า และหน้าใหม่ที่เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานการผลิต
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,436 วันที่ 17 - 19 มกราคม พ.ศ. 2562
ปิดผลงานปี 2561 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปแบบมีผู้สมหวังและผิดหวัง เพราะเมื่อมองไปที่ตลาดรถยนต์นั้น ยอดขายทะลุ 1 ล้านคัน โดยตัวเลขเป็นบวกกันแทบทุกค่าย แต่เมื่อหันกลับมาดูตลาดรถจักรยานยนต์ในภาพรวมกลับมีตัวเลขติดลบ 1% ด้วยจำนวน 1.79 ล้านคัน ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มียอดขายรวม 1.81 ล้านคัน
โดยต้นปี 2561 หลายค่ายผู้ผลิตรถจักร ยานยนต์ต่างประเมินว่า ตัวเลขการขายจะทะลุไปถึง 1.87 ล้านคัน แต่เมื่อเดินมาถึงครึ่งทาง สถานการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ทำให้ต้องปรับเป้าหมายใหม่ พร้อมเข็นทุกกลยุทธ์ออกมาแข่งขันกัน
“เมื่อดูจากจีดีพี ที่ประเมินกันว่าจะเติบโต รวมไปถึงความเคลื่อนไหวเรื่องการเลือกตั้ง ทำให้เราคาดว่าตลาดน่าจะดี แต่พอผ่านไปครึ่งปี กลับพบว่าตลาดรถจักรยานยนต์ตัวเลขลดลง เพราะสภาพเศรษฐกิจมีความผันผวน ราคาพืชผลทางการเกษตร อาทิ ราคายาง ยังไม่ดี รวมไปถึงภาคการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวหายไป” นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวและว่า
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ภาพรวมตลาดลดลง และฮอนด้าก็ได้รับผลกระทบ ทำยอดขายในปี 2561 ได้ 1.4 ล้านคัน ลดลงเมื่อเทียบกับ ปี 2560 ที่ทำได้ 1.42 ล้านคัน ขณะที่เป้าหมายของปี 2562 ฮอนด้าตั้งเป้าไว้ที่ 1.36 ล้านคัน ส่วนตลาดรวมคาดว่าจะอยู่ที่ 1.72 ล้านคัน
“ทิศทางตลาดปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยการลงทุนต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชนยังคงมี แต่ในแง่ภาคการเกษตร ราคาพืชผลรวมไปถึงท่องเที่ยว อุตสาหกรรมต่างๆก็คาดว่าจะเท่าเดิม ส่วนการประกาศเลือกตั้ง ก็ดีขึ้นมานิดหนึ่งแต่ไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไทยยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว เพราะระบบคมนาคมขนส่งยังไม่สะดวก ผู้บริโภคต้องมีรถส่วนตัว โดยเราประเมินว่าตัวเลขการขายรถในแต่ละปีจะอยู่ที่ 1.7- 1.8 ล้านคัน”
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้เป้าหมายที่ฮอนด้าวางไว้ หากนำไปเทียบกับปีก่อนๆถือว่าลดลงมาก ซึ่งฮอนด้ายังคงเดินหน้าเต็มที่ โดยปีนี้ยังคงใช้แบรนด์เมสเสจ “WHAT STOPS YOU? มุ่งไป อย่าให้อะไรมาหยุด”และจะเน้นเชิงรุกเพื่อเข้าหาลูกค้าในยุคดิจิตอล
“ลูกค้าในยุคปัจจุบันมีความเป็นตัวเองสูง ดังนั้นเราจึงต้องใช้ INSIGHT CENTRIC เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้า และรู้ในเชิงลึก ซึ่งในปีที่ผ่านมาเราได้ซื้อซอฟต์ บิ๊ก ดาต้าเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า” นายสุชาติกล่าวสรุป
ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ทำให้แผนงานในปีนี้ ฮอนด้าประเดิมด้วยการเปิดตัวรถยอดนิยมของฮอนด้า นั่นก็คือ ออล นิว ฮอนด้า เวฟ 110ไอ โฉมใหม่ และอีก 3 รุ่นที่เป็นการปรับโฉมและเปลี่ยนสี ได้แก่ ฮอนด้า ซูเปอร์ คัพ สีใหม่ คือสีส้ม-ขาว และ สีฟ้า-ขาว ราคา 47,100 บาท, ฮอนด้า ซีอาร์เอฟ250แอล สีดำใหม่ ราคาช่วงแนะนำ 134,600 บาท และฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ 150 ใหม่ ราคา 83,300 บาท โดยทุกรุ่นวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศในเดือนมกราคมนี้
[caption id="attachment_374628" align="aligncenter" width="335"]
ขณะที่แผนงานในกลุ่มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ในปีที่ผ่านมามีการส่ง พีซีเอ็กซ์ ไฮบริด ออกสู่ตลาด และทำยอดขายสะสมได้ประมาณ 1,000 คัน และฮอนด้าตั้งเป้าหมายการขายต่อปีที่ 2,000 คัน ซึ่งก็ถือว่าค่อยๆขยับ ส่วนพีซีเอ็กซ์ อีวี ที่เปิดขายในญี่ปุ่นเมื่อปีที่ผ่านมา มีโอกาสที่จะขายในไทยหรือไม่นั้น เบื้องต้นทางฮอนด้าเผยว่าต้องทำการศึกษาก่อน
“การทำตลาดรถจักร ยานยนต์ไฟฟ้าต้องศึกษา หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้าที่จะมารองรับ การกำจัดซากแบตเตอรี่ กฎหมายข้อบังคับต่างๆ อย่างไรก็ตามเราจะลองทำตลาดแบบ บีทูบี ก่อน ซึ่งเบื้องต้นจะเข้าไปทดลองที่มหาวิทยาลัยในไทย และ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อย่างแสนสิริ เพื่อดูลักษณะการใช้งาน, พฤติกรรมของผู้บริโภค หรือหากภาครัฐสนใจเราก็พร้อมเข้าไปพูดคุย ซึ่งความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เราจะประกาศอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2562” นายโยอิจิ มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว
ถือเป็นการประกาศแนวรบของผู้นำในตลาด 2 ล้ออย่างค่ายฮอนด้า คงต้องมารอดูว่ากลยุทธ์ต่างๆที่ได้วางไว้จะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางสภาวะตลาดที่หดตัว และ การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทั้งจากคู่แข่งหน้าเก่า และหน้าใหม่ที่เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานการผลิต
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,436 วันที่ 17 - 19 มกราคม พ.ศ. 2562
