ส่งออกแห่ใช้สิทธิ "FTA-GSP" เล็งทั้งปีทะลุเป้า 7 หมื่นล้านดอลล์

14 ม.ค. 2562 | 10:53 น.
พาณิชย์ เผยยอดใช้สิทธิเอฟทีเอและจีเอสพี 11 เดือน ปี 61 โตเฉียด 16% มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ พุ่งกว่า 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มั่นใจ! ตลอดทั้งปีสูงกว่าหมาย ทะลุ 7 หมื่นล้านดอลลาร์

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ของผู้ประกอบการไทยในช่วง 11 เดือนของปี 2561 (ม.ค. - พ.ย.) มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์รวมอยู่ที่ 68,779 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันขอบปีก่อน โดยมีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์อยู่ที่ 75% ของสินค้าที่ได้รับสิทธิทั้งหมด แบ่งเป็น มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA มูลค่า 64,344 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 15.29% คิดเป็นสัดส่วน 75% ของมูลค่าส่งออกที่ได้สิทธิภายใต้ FTA และมูลค่าการส่งออกภายใต้ GSP มูลค่า 4,435 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 22% คิดเป็นสัดส่วน 65% ของมูลค่าที่ได้รับสิทธิ GSP

สำหรับตลาดส่งออกที่ผู้ประกอบการใช้สิทธิ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน มูลค่า 24,765 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, จีน 16,217 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, ออสเตรเลีย 8,571 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น 7,028 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอินเดีย 4,099 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อพิจารณาอัตราการขยายตัวของมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุด คือ เปรู ซึ่งมีอัตราการขยายตัว 45% รองลงมา คือ จีน ขยายตัว 27% และอินเดีย ขยายตัว 22% ซึ่งทั้ง 3 ตลาดดังกล่าว นอกจากจะมีอัตราการขยายตัวสูงแล้ว ยังพบว่า มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์สูงเช่นเดียวกัน


ยอดFTA

สำหรับกรอบความตกลงการค้าเสรีที่มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย-ชิลี 101%, ไทย-ออสเตรเลีย 89%, อาเซียน-จีน 89.39%, ไทย-ญี่ปุ่น 86% และไทย-เปรู 87% และรายการสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์บรรทุก ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล น้ำมันปิโตรเลียม และน้ำตาลจากอ้อย

ขณะที่ ในปี 2562 มีความตกลง FTA ที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ นี้ คือ ความตกลง FTA อาเซียน-จีน (ACFTA) ที่เพิ่งจะบรรลุผลสำเร็จในการเจรจาทบทวนกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า (PSRs) ส่งผลให้กฎที่ใช้ในการพิจารณาออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form E ของสินค้ากว่า 900 รายการ เปลี่ยนแปลงไป เช่น สินค้ากลุ่มอาหารสำเร็จรูป กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มเครื่องสำอาง เป็นต้น โดยสินค้าส่วนใหญ่จะมีกฎที่ยืดหยุ่นขึ้น กล่าวคือ ผู้ประกอบการจะมีเกณฑ์ในการเลือกใช้ประกอบการพิจารณายื่นขอ Form E กับกรมการค้าต่างประเทศเพื่อใช้สิทธิพิเศษทางภาษีในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดจีนและประเทศอาเซียนอื่นได้มากขึ้น จากเดิมที่เคยใช้เกณฑ์มูลค่าการผลิตในประเทศอย่างน้อย 40% (RVC >40%) ได้เพียงเกณฑ์เดียว ก็ได้เพิ่มทางเลือกในการใช้เกณฑ์การเปลี่ยนพิกัดอัตราศุลกากร (Change in Tariff Classification : CTC) ที่ไม่ได้จำกัดสัดส่วนมูลค่าของวัตถุดิบนำเข้าจากประเทศนอกภาคีในการผลิตสินค้าขั้นสุดท้าย เพียงแต่กำหนดให้วัตถุดิบนำเข้าต้องผ่านการแปรรูปอย่างเพียงพอ และสินค้าที่ส่งออกมีการเปลี่ยนแปลงพิกัดฯ ในระดับที่กำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้ คาดว่ากฎดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ได้ภายในเดือน ก.ค. 2562 นี้

นอกจากนี้ ยังมีความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (AHKFTA) ถือเป็น FTA ใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้ในปีนี้ โดยกรมฯ ได้ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและเตรียมความพร้อมให้บริการ ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้ารองรับความตกลงการค้าเสรีดังกล่าว โดยจะมีผลบังคับใช้ในไตรมาสแรกของปี 2562

ด้าน การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ GSP ปัจจุบันมี 5 ประเทศที่ให้สิทธิกับไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช นอร์เวย์ และญี่ปุ่น โดยในช่วง 11 เดือน การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP สหรัฐฯ ยังคงมีสัดส่วนการใช้สิทธิมากที่สุด คือ ประมาณ 89% ของมูลค่าการใช้สิทธิ GSP ทั้งหมด มีมูลค่า 3,967 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 14.24% มีอัตราการใช้สิทธิ 68.72% ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ GSP ซึ่งมีมูลค่า 5,773 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ GSP สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ เครื่องดื่มอื่น ๆ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง และเลนส์แว่นตา


ยอดGSP

"เมื่อพิจารณาถึงเป้าหมายอัตราการขยายตัวมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ที่กรมฯ ประมาณการไว้ที่ 9% คิดเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ประมาณ 70,794 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา คิดเป็น 97.2% ของเป้าหมายมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ดังนั้น กรมฯ จึงมั่นใจว่า มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ฯ ทั้งปีจะขยายตัวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งออกของไทยที่มีการกระจายตัวในตลาดใหม่ ๆ รวมทั้งการปรับปรุงระบบการให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ"

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-16-503x62