เงินบาทรับอานิสงก์ผู้ส่งออก ขายระยะสั้น

ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เปิดตลาดเช้าวันนี้ (14 ม.ค. 62) ที่ระดับ 31.93 บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อน

ในสัปดาห์นี้ แนะนำจับตาผลโหวต Brexit ที่จะมีขึ้นในวันอังคารนี้ ตลาดเชื่อว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะถูกโหวต "ไม่รับรอง" ในสภาอังกฤษ ในกรณีพื้นฐาน เชื่อว่าจะมีข้อแก้ไขให้นายกรัฐมนตรีและจะต้องนำร่างใหม่กลับเข้ามาเพื่อขอมติอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาด

ต่อด้วยในวันพุธเงินเฟ้อในอังกฤษ (CPI) คาดว่าจะปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยในอังกฤษลดลงตามไปด้วย

วันพฤหัสบดี คาดว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย จะ "คง" ดอกเบี้ยที่ระดับ 6.0% หลังจากปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นถึง 1.75% ในปีก่อน เนื่องจากช่วงนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยช้าลง และค่าเงินอินโดนีเซียรูเปียห์ก็ปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 4.2% ในช่วงต้นปี

นอกจากนี้ ด้วยราคาน้ำมันที่ลดลงจะทำให้เงินเฟ้อในญี่ปุ่น (CPI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย ถือว่าต่ำกว่าเป้าหมาย 2.0% ของธนาคารกลางญี่ปุ่นอยู่มาก ชี้ว่า แทบจะไม่มีโอกาสที่จะเห็นการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดในญี่ปุ่นปีนี้

ตลาดการเงินสัปดาห์นี้ แน่นอนว่ายังต้องจับตาภาพรวมการเมืองสหรัฐฯ ที่วุ่นวายกับปัญหาการปิดทำการของหน่วยงานราชการ (Government Shutdown) ยาวนานที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ พร้อมกับรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มการเงิน ทั้ง 2 เรื่อง เป็นแรงกดดันกับดอลลาร์อยู่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเมืองในยุโรปบวกกับตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกที่เป็นขาลง จะเป็นปัจจัยที่พยุงดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ให้อ่อนค่าเร็วด้วยเช่นกัน

ในส่วนของค่าเงินบาทช่วงนี้เคลื่อนไหวในกรอบกว้าง ในระยะสั้นการซื้อขายตามฤดูกาลของผู้ส่งออกยังถือเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินบาท ในระหว่างวันกรอบเงินบาทเคลื่อนไหวที่ 31.85-32.00 บาทต่อดอลลาร์ และกรอบเงินบาทในสัปดาห์ 31.60-32.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ