โบรกมอง ร.พ. กำไรหด! มาตรการ "คุมค่ายา" กระทบมาร์จิน

13 ม.ค. 2562 | 01:55 น.
ผลมาตรการคุมราคายา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ กระทบกลุ่มโรงพยาบาลระดับพรีเมียม โบรกฯ มองกระทบมาร์จินในส่วนของราคายามากสุด รอรับราคาตํ่า ทยอยสะสมหุ้น BDMS พื้นฐานแกร่งสุด ราคาเหมาะสม 24-30 บาท

จากที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2562 มีมติเสนอให้ ยา เวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ เป็นสินค้าและบริการควบคุม ซึ่งจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในวันที่ 15 หรือ 22 ม.ค. นี้

นายภูวดล ภูสอดเงิน ผู้ช่วยนักวิเคราะห์สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) (ASP) กล่าวว่า ข่าวการขึ้นทะเบียน ยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เป็นสินค้าและบริการควบคุม ยังไม่มีมาตรการที่ออกมาชัดเจน โดยมองว่า มาตรการดังกล่าวจะกำหนดจากส่วนต่างกำไร ไม่ใช่เพดานราคา โรงพยาบาลระดับพรีเมียมจะได้รับผลกระทบมากกว่า ในระยะสั้นยังไม่ส่งผลกระทบมาก แต่ในระยะกลางและยาวจะกระทบ ทั้งจากผลของมาตรการเองและการที่โรงพยาบาลค่อนข้างรัดกุมในการปรับขึ้นราคา ซึ่งจะส่งผลต่อมาร์จินได้


bdms

บล.เอเซียพลัสฯ คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานกลุ่มโรงพยาบาล ปี 2561 อยู่ที่ 16,703 ล้านบาท เติบโต 18.5% และปี 2562 อยู่ที่ 18,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% โดยคงนํ้าหนักการลงทุนน้อยกว่าตลาด เนื่องจากการซื้อขายของหุ้นกลุ่มนี้ ด้วย PER เฉลี่ยสูงถึง 35 เท่า Top Pick ยังเป็น BDMS ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผลกระทบจำกัด แนะทยอยสะสม

บล.กสิกรไทยฯ ระบุว่า มาตรการที่จะออกมาจะส่งผลกระทบต่อมาร์จินของยาและจะกระทบมาก เนื่องจากยาคิดเป็นสัดส่วนสูงสุดของรายได้ของโรงพยาบาล โดยมาร์จินยาและเวชภัณฑ์ที่ลดลงทุก ๆ 10% จะทำให้กำไรสุทธิปี 2562 ของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลลดลง 14-32% และราคาเป้าหมายลดลง 14-28%

KS คงนํ้าหนักการลงทุน หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเป็น "เท่ากับตลาด" มาตรการดังกล่าวจะจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น โดยราคาปิดล่าสุดของกลุ่มซื้อขายด้วย PER ปี 2562 เฉลี่ย 31.6 เท่า และมีเพียง BDMS (PER 35.1 เท่า) และ BCH (35.8 เท่า) ที่ซื้อขายเหนือค่าเฉลี่ย PER ในอดีต

บล.ไทยพาณิชย์ฯ (SCBS ) ระบุว่า มาตรการนี้สร้างแรงกดดันระยะสั้นต่อหุ้นกลุ่มการแพทย์ โดยราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาก เมื่อวันที่ 10 ม.ค. โดยลบ 9% สําหรับ BH, ลบ 8% สําหรับ BDMS, ลบ 4% สําหรับ BCH และลบ 3% สําหรับ CHG

บล.ไทยพาณิชย์ฯ คาดว่า ปัจจัยกดดันด้านการกํากับดูแลจะยังคงสร้างแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มการแพทย์ไทยต่อไป จนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการกําหนดราคาที่เหมาะสม ในขณะที่ เรายังคงมุมมองเชิงบวกในระยะยาวต่อกลุ่มการแพทย์ และ BDMS ยังคงเป็น Top Pick แต่สิ่งที่ต้องจับตาดู คือ การควบคุมราคาเกี่ยวกับบริการทางการแพทย์ ว่า มีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด และแผนการดําเนินงานของโรงพยาบาลเอกชนในอนาคตจากการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์กํากับดูแลครั้งนี้

ทั้งนี้ ราคาหุ้น BDMS เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 22.90 บาท ลดลงจากเมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 24.40 บาท หรือลดลง 6.55% โดยราคาเป้าหมายที่ ASP และ SCBS แนะนำซื้อที่ 30 บาท ส่วน KS แนะราคาพื้นฐานที่ราคา 24.10 บาท

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,435 วันที่ 13-16 มกราคม 2562

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว