สหรัฐฯ กดหุ้นดิ่ง! ผวาลากยาวข้ามปี

28 ธ.ค. 2561 | 05:39 น.
ปัจจัยลบสหรัฐฯ กดดันหุ้นซึมข้ามปี! ชี้ผลกระทบสงครามการค้า แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ราคาน้ำมันดิบโลกที่ลงต่อเนื่อง คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1577-1626 จุด ถึงสิ้นปี

ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลงลึกถึง 3% เศษ หรือกว่า 707 จุด ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับลดลงตาม โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 5% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2560 แม้รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่นจะออกมาเตือนว่า นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมากจนเกินไปก็ตาม ขณะที่ การเมืองในสหรัฐฯ ที่มีการปิดหน่วยงานราชการ (ชัตดาวน์) บางแห่ง และกระแสข่าว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เล็งปลด นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 4 ครั้ง ในปี 2561 ทำให้นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่ ตลาดหุ้นไทยเองลดลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบปีเช่นกัน โดยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1556.65 ลดลง 34.64 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 33,018.22 ล้านบาท

 

[caption id="attachment_373045" align="aligncenter" width="334"] วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS[/caption]

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ปัจจัยหนีไม่พ้นปัญหาของสหรัฐฯ ที่ล่าสุด รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง หลังวุฒิสภาไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโก รวมทั้งตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาส 3/2561 ขยายตัวเพียง 3.4% ชะลอตัวจาก 4.2% ในช่วงไตรมาส 2/2561 และนักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัว 2.9% ในช่วงไตรมาส 4/2561 และจะชะลอตัวลงมากขึ้นในปีหน้า จากผลกระทบของสงครามการค้าและปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

ปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ คือ 26 ธ.ค. สหรัฐฯ รายงานตัวเลขดัชนีราคาบ้าน เดือน ต.ค. และดัชนีการผลิตเดือน ธ.ค. ในวันที่ 27 ธ.ค. จีน เปิดเผยตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ย. และสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาบ้าน เดือน ต.ค. และยอดขายบ้านใหม่ เดือน พ.ย. ขณะที่ วุฒิสภาสหรัฐฯ เตรียมจัดการประชุมอีกครั้งเรื่องงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ กับเม็กซิโก รวมทั้งในวันที่ 28 ธ.ค. สหรัฐฯ เปิดเผยสต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง เดือน พ.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือน พ.ย. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี ได้รับปัจจัยบวกจากในประเทศ จากเม็ดเงินซื้อ LTF และ RMF ช่วยพยุงดัชนีและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการลงทุนภาครัฐในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่ EEC รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวประเทศไทยในเดือน พ.ย. ที่พลิกกลับมาเติบโต 4.54% จากหดตัว 0.51% ในเดือน ต.ค. ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวเติบโต 5.18%

บล.เออีซี จก. (มหาชน) หรือ AECS มองว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์สุดท้ายปี ยังจับตาปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก หลังสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะปิดหน่วยงานรัฐชั่วคราว แม้ในอดีตจะมีผลกระทบไม่มากนัก หากปิดหน่วยงานไม่นาน (1-5 วัน) แต่จะรุนแรงขึ้น หากปิดดำเนินการเป็นเวลานาน โดยปี 2554 ปิด 20 วัน ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.7%

"สัปดาห์นี้ไปถึงสิ้นปี คาดว่า ดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบ 1577-1626 จุด โดยมีปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ ทั้งความกังวลตลาดส่งออกไทยที่อาจจะหดตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น บวกกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง จาก Demand ที่ลดลงสวนทางกับ Supply ที่เพิ่มขึ้นและเชื่อว่าดัชนีจะยืนเหนือแนวรับ 1575-1580 จุด จนถึงสิ้นปีนี้ ด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน"


……………….

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,430 วันที่ 27 -29 ธ.ค. 2561 หน้า 01-02

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ราคาน้ำมันดิบพุ่งต่อ หลังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีทิศทางที่ดี
คลายกังวลเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 91.67 จุด


เพิ่มเพื่อน
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว