“เอิร์ธ”พ่นพิษ กิตติพันธ์ร้องธปท.-กรุงไทยให้ความเป็นธรรม หลังถูกกล่าวหากระทำผิดร้ายแรง เตรียมยื่นอุทธรณ์ภายใน 60 วันหวังกรุงไทย-ธปท.วินัจฉัยใหม่
นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ อดีตรองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทยแถลงเปิดใจและขอความเป็นธรรมโดยระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมาได้รับหนังสือกล่าวโทษกระทำผิดวินัยร้ายแรงจากธนาคาร กรุงไทย จึงขอใช้โอกาสชี้แจงว่า กรณีที่ธนาคารกรุงไทยกล่าวหาตนเองนั้น ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ถูกกล่าวหาอยู่ข้างเดียว ถ้าติดตามข่าวที่อออกมา จะเห็นว่า ไม่ค่อยมีรายละเอียดเท่าไรนัก มีแต่ประเด็นกว้างๆว่า มีการทุจริตและบกพร่องเกี่ยวกับการให้สินเชื่อ บริษัท เอเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด(มหาชน) มีผู้บริหารธนาคารกรุงไทยเกี่ยวข้องหลายระดับ ซึ่งจะต้องถูกลงโทษทางวินัยและถูกดำเนินคดี
“ผมคิดว่าไม่เป็นธรรมกับตัวผมเอง เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว มันมีรายละเอียด ที่จะบอกได้ว่า ผมไปเกี่ยวข้องตรงไหน อย่างไร และตรงนั้นมันเป็นสาเหตุของปัญหาหรือเปล่า ซึ่งผมได้รับข้อกล่าวหา แต่ไม่มีรายละเอียดว่า ผมทำผิดอะไร อย่างไร เมื่อไหร่ เพื่อผมจะได้แก้ข้อกล่าวหาได้ถูกต้อง แต่กรุงไทยไม่เคยมีความชัดแจ้งในเรื่องนี้ ผมจึงอยู่ในฐานะที่ไม่ทราบจะชี้แจงอย่างไรกับคณะกรรมการตรวจสอบที่ธนาคารกรุงไทยตั้งขึ้นมา”
อย่างไรก็ตาม ความเกี่ยวข้องกับการอนุมัติสินเชื่อ บริษัท เอิร์ธนั้น เอิร์ธเป็นลูกค้าธนาคารมาก่อนที่ตนจะเข้ามา ซึ่งขณะนั้นเป็นลูกหนี้ชั้นดี ไม่มีประวัติด่างพร้อย งบการเงินได้รับการรับรองจาก บริษัท PWC ซึ่งเป็นบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีระดับโลก ตนเป็นผู้ดูแลสายงานที่นำเสนอขออนุมัติสินเชื่อให้เอิร์ธ 2 วงเงิน มูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท เมื่อปี 2558 โดยคำขออนุมัติผ่านการตรวจสอบจากสายงานประเมินความเสี่ยง ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการกลั่นกรองสินเชื่อ และผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร
ทั้งนี้ คำขออนุมัติสินเชื่อดังกล่าว กระทำอย่างถูกต้องทั้งในแง่คุณสมบัติของลูกค้า การประเมินความเสี่ยง การกลั่นกรอง ก่อนเสนอให้บอร์ดบริหารพิจารณาขั้นสุดท้าย ผมไม่ใช่ผู้อนุมัติสินเชื่อ เพราะไม่มีอำนาจอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งหลังจากสินเชื่อทั้ง 2 วงเงินดังกล่าวแล้ว เอิร์ธได้รับการจัดอันดับเรทติ้ง BBB- คือลูกหนี้มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นในเกณฑ์ที่เพียงพอ โดย TRIS ซึ่งเป็นการยืนยันความสามารถในการชำระหนี้ว่า อยู่ในเกณฑ์ดี
ขณะเดียวกันธนาคารกรุงไทยยังเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย(อันเดอร์ไรเตอร์) หุ้นกู้เอิร์ธ 2 รุ่น ในวงเงินรวม 5,500 ล้านบาท เพื่อเป็นการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน ถือเป็นการกลั่นกรองอีกครั้งว่าเป็นลูกค้าที่ดีที่ธนาคารจะนำหุ้นกู้ไปขายให้กับลูกค้ารายย่อยได้
สินเชื่อ 4,500 ล้านไม่ใช่เอ็นพีแอล
นายกิตติพันธ์ยืนยันว่า สินเชื่อ 2 วงเงิน มูลค่า 4,500 ล้านบาทที่เอิร์ธได้รับอนุมัติจากกรุงไทย โดยตนเองมีส่วนร่วมในการนำเสนอเมื่อ พ.ศ. 2558 นั้น เป็นสินเชื่อปกติ ไม่มีการผิดนัดชำระ และไม่มีการทำผิดเงื่อนไข แต่อย่างใด สินเชื่อทั้ง 2 วงเงินนี้เป็นส่วนหนึ่งของสินเชื่อที่ธนาคารกรุงไทยให้กับเอิร์ธ เมื่อเกิดการผิดนัดชำระหนี้ในเดือนพฤษภาคม 2560 โดยเริ่มจาก 200 กว่าล้านบาท แต่เมื่อไม่ได้รับการผ่อนผันทำให้เกิดผลกระทบกับวงเงินอื่น ภาษาแบงค์เรียกว่า Cross Default ทำให้วงเงินอื่นทั้งหมดเปรียบเสมือนว่า ผิดนัดชำระหนี้ไปด้วย ทำให้สินเชื่อทั้งหมด 12,000 ล้านบาทกลายเป็นเอ็นพีแอล ความเสียหายที่เกิดกับธนาคารกรุงไทย อันเนื่องมาจากเอ็นพีแอลของเอิร์ธ จึงไม่ได้เกิดจากสินเชื่อ 2 วงเงิน ที่ผมมีส่วนร่วมในการนำเสนอเมื่อ ปี 2558
ข้อกล่าวหากรุงไทยเคลือบคลุมจนแก้ข้อกล่าวหาไม่ได้
คณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบชุดพิเศษ เพื่อสอบสวนหาผู้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2560 ซึ่งเป็นเวลาน้อยกว่า 1 เดือนหลังจากเอิร์ธผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งแปลกมาก ตนจึงไม่เข้าใจว่า จะแก้ปัญหาได้อย่างไร และเห็นว่าไม่น่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องตามหลักสากล นอกจากนี้การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยคณะกรรมการบริหารฯนั้น ตนเห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะคณะกรรมการบริหารฯ ถือเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย เพราะมีส่วนในการอนุมัติสินเชื่อด้วย จึงไม่เห็นด้วยว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี ตนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ถูกเรียกตัวไปให้ข้อมูลเบื้องต้น
ต่อมาถูกกล่าวหา โดยข้อกล่าวหาที่เคลือบคลุมเครือมาก ไม่ชัดแจ้งเลย เพราะข้อกล่าวหาไม่ได้บอกว่า ตนทำผิดอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร และมีหลักฐานอะไร เพื่อจะได้ชี้แจงและแก้ข้อกล่าวหาได้ถูกต้องและครบถ้วน โดยสอบถามไปธนาคารกรุงไทยหลายครั้งก็ได้รับคำตอบว่าชัดแจ้งแล้ว โดยไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ในที่สุดก็มีมติกล่าวหาว่า ตนกระทำผิด ส่วนตัวจึงเห็นว่าไม่เป็นธรรมกับชีวิตและวิชาชีพประกอบกับที่ผ่านมา ได้เข้าพบธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มาแล้ว 3 ครั้ง
"ผมหวัง จะให้ธปท.เข้าไปตรวจสอบไม่ใช่เฉพาะกระบวนการปล่อยสินเชื่อ แต่อยากให้เข้าไปตรวจสอบไส้ในให้ครบถ้วนทั้งในส่วนของการออกหุ้นกู้และดูแลลูกค้าในช่วงที่ผ่านมา ที่ผ่านมา ผมได้เคยชี้แจงกับธทป.ในลักษณะของการครอบจักรวาลไปเนื่องจากไม่ทราบข้อกล่าวหาที่ชัดเจนและไม่ได้รับรายละเอียดเบื้องต้นในความผิด หลังจากนี้จึงขึ้นกับธปท.และกรุงไทยจะได้วินิจฉัยหรือพิจารณาข้อกล่าวหาใหม่ โดยส่วนตัวยังคงยืนยันว่า ผมไม่ได้ทำความผิดอะไร และและพยายามเต็มที่ในการจะชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ไม่มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริงบนบนข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะว่าข้อกล่าวหาไม่ได้ระบุรายละเอียดที่ชัดเจนและในระยะเวลา 16-17 เดือนที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้รับทราบรายละเอียดของข้อกล่าวหาและไม่จึงไม่มีโอกาสชี้แจงใดๆเลย และยืนยันว่า ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเอิร์ธแต่อย่างใด"