"เสี่ยยักษ์" ปัดเอี่ยวทุบ AJA ขายเกลี้ยงพอร์ต 5.07% หลัง มี.ค. 60
"เสี่ยยักษ์" แจงไม่ขอเกี่ยวข้องข่าวปั่นหุ้น-ทุบหุ้น AJA พบทยอยขายหุ้น AJA เกลี้ยงพอร์ต 5.07% หลัง มี.ค. 2560 ขณะที่ โทษปรับกลุ่มปั่นหุ้น AJA สูงสุด 3 รายแรก พบเพิ่งเข้ามาลงทุนช่วง 1 ปี ในปี 2557-2558
กรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับกรรมการและผู้บริหารของ บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA (ชื่อเดิม บมจ.คราวน์ เทค แอดวานซ์ หรือ AJD) นำโดย นายอมร มีมะโน และกลุ่มนายพิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ รวม 40 คน เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 1,727.38 ล้านบาท
ส่วนรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง นายวิชัย วชิรพงศ์ นักลงทุนรายใหญ่ ที่รู้จักกันในชื่อ "เสี่ยยักษ์" ซึ่งถามถึงกันว่า "ยังถือหุ้น AJA อยู่หรือไม่" หลังจากที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า "ผมเข้าลงทุนในหุ้น AJD มาเป็นเวลานาน และยืนยันจะไม่ขายหุ้น AJA เป็นระยะเวลา 3 ปี" (ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริงสปริงเรดิโอ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 60) จากกระแสข่าวลือในช่วงนั้น ว่า หุ้นมีความพัวพันกับวัดพระธรรมกาย และมีผู้อยู่เบื้องหลังการทุบหุ้น จนทำให้ราคาหุ้นรูดลงหนักอยู่ที่ 1.65 บาท
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2562 "ฐานเศรษฐกิจ" โทรศัพท์สอบถามไปยังนายวิชัย หรือ เสี่ยยักษ์ นายวิชัยตอบสั้น ๆ ว่า "ผมอายุมากแล้ว อยากดูแลสุขภาพ และถอยตัวไม่ให้ข่าวกับสื่อมาระยะหนึ่งแล้ว จึงไม่อยากเป็นข่าวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"
จากข้อมูลผู้ถือหุ้นปรากฏชื่อของเสี่ยยักษ์เข้ามาถือหุ้นใน AJA ช่วงตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2558 โดยถือหุ้นจำนวน 112.60 ล้านหุ้น สัดส่วน 3.14% และ ณ วันที่ 30 มี.ค. 2559 ถือเพิ่มเป็น 5.34% ก่อนถือเป็น 5.07% ในเดือน มี.ค. 2560 จนมาล่าสุด (วันที่ 28 มี.ค. 61) ไม่พบการถือหุ้น
[caption id="attachment_372139" align="aligncenter" width="313"]
วิชัย วชิรพงศ์[/caption]
นอกจากนี้ จากการที่ ก.ล.ต. ดำเนินมาตรการทางแพ่งในความผิดฐานร่วมกันสร้างราคาหุ้น AJA ในช่วงระหว่างวันที่ 16 พ.ค. 2557 ถึงวันที่ 8 ต.ค. 2557 เป็นเวลา 100 วัน ที่ทำให้ราคาปิดหุ้น AJA จากหุ้นละ 2.60 บาท เป็นราคา 15.00 บาท
พบว่า 3 อันดับแรกที่ได้รับโทษปรับสูงสุด คือ 1.นางสาวธวัลรัตน์ ฐิติวัฒน์กมล (กลุ่มนายพิภัทร์) เป็นเงิน 176,305,956 บาท 2.นายสุนทร ดีวงกิจ (กลุ่มนายพิภัทร์ ) เป็นเงิน 159,713,980.50 บาท และ 3.นายโชติอนันต์ แสงพงษ์พิทยา (กลุ่มนายอมร) เป็นเงิน 104,439,380 บาท จากข้อมูลพบว่า ทั้ง 3 ราย เพิ่งเข้ามาถือหุ้น AJA ในช่วงวันที่ 9 ต.ค. 2557 - ก.ย. 2558 หรือ 1 ปี ก่อนจะขายหุ้นทั้งหมดออกไป ส่วนนายอมรและกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกเปรียบเทียบปรับสูงสุดรายละ 79.42 ล้านบาท
หุ้น AJA เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET วันแรกเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2557 ราคาไอพีโอ 2.50 บาท (พาร์ 0.50 บาท) เสนอขายจำนวน 100 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 250 ล้านบาท โดยราคาหุ้นย้อนหลังตั้งแต่เริ่มซื้อขายจนถึงวันที่ 8 ม.ค. 2562 ราคาหุ้นผันผวนปรับลดลง 95.95% จากวันที่ 27 ก.พ. 2557 ปิดที่ 3.46 บาท โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 15.60 บาท เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2557 และล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 ราคาหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 0.14 บาท
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,434 วันที่ 10-12 ม.ค. 2562
กรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับกรรมการและผู้บริหารของ บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA (ชื่อเดิม บมจ.คราวน์ เทค แอดวานซ์ หรือ AJD) นำโดย นายอมร มีมะโน และกลุ่มนายพิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ รวม 40 คน เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 1,727.38 ล้านบาท
ส่วนรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง นายวิชัย วชิรพงศ์ นักลงทุนรายใหญ่ ที่รู้จักกันในชื่อ "เสี่ยยักษ์" ซึ่งถามถึงกันว่า "ยังถือหุ้น AJA อยู่หรือไม่" หลังจากที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า "ผมเข้าลงทุนในหุ้น AJD มาเป็นเวลานาน และยืนยันจะไม่ขายหุ้น AJA เป็นระยะเวลา 3 ปี" (ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริงสปริงเรดิโอ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 60) จากกระแสข่าวลือในช่วงนั้น ว่า หุ้นมีความพัวพันกับวัดพระธรรมกาย และมีผู้อยู่เบื้องหลังการทุบหุ้น จนทำให้ราคาหุ้นรูดลงหนักอยู่ที่ 1.65 บาท
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2562 "ฐานเศรษฐกิจ" โทรศัพท์สอบถามไปยังนายวิชัย หรือ เสี่ยยักษ์ นายวิชัยตอบสั้น ๆ ว่า "ผมอายุมากแล้ว อยากดูแลสุขภาพ และถอยตัวไม่ให้ข่าวกับสื่อมาระยะหนึ่งแล้ว จึงไม่อยากเป็นข่าวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"
จากข้อมูลผู้ถือหุ้นปรากฏชื่อของเสี่ยยักษ์เข้ามาถือหุ้นใน AJA ช่วงตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2558 โดยถือหุ้นจำนวน 112.60 ล้านหุ้น สัดส่วน 3.14% และ ณ วันที่ 30 มี.ค. 2559 ถือเพิ่มเป็น 5.34% ก่อนถือเป็น 5.07% ในเดือน มี.ค. 2560 จนมาล่าสุด (วันที่ 28 มี.ค. 61) ไม่พบการถือหุ้น
[caption id="attachment_372139" align="aligncenter" width="313"]
นอกจากนี้ จากการที่ ก.ล.ต. ดำเนินมาตรการทางแพ่งในความผิดฐานร่วมกันสร้างราคาหุ้น AJA ในช่วงระหว่างวันที่ 16 พ.ค. 2557 ถึงวันที่ 8 ต.ค. 2557 เป็นเวลา 100 วัน ที่ทำให้ราคาปิดหุ้น AJA จากหุ้นละ 2.60 บาท เป็นราคา 15.00 บาท
พบว่า 3 อันดับแรกที่ได้รับโทษปรับสูงสุด คือ 1.นางสาวธวัลรัตน์ ฐิติวัฒน์กมล (กลุ่มนายพิภัทร์) เป็นเงิน 176,305,956 บาท 2.นายสุนทร ดีวงกิจ (กลุ่มนายพิภัทร์ ) เป็นเงิน 159,713,980.50 บาท และ 3.นายโชติอนันต์ แสงพงษ์พิทยา (กลุ่มนายอมร) เป็นเงิน 104,439,380 บาท จากข้อมูลพบว่า ทั้ง 3 ราย เพิ่งเข้ามาถือหุ้น AJA ในช่วงวันที่ 9 ต.ค. 2557 - ก.ย. 2558 หรือ 1 ปี ก่อนจะขายหุ้นทั้งหมดออกไป ส่วนนายอมรและกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกเปรียบเทียบปรับสูงสุดรายละ 79.42 ล้านบาท
หุ้น AJA เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET วันแรกเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2557 ราคาไอพีโอ 2.50 บาท (พาร์ 0.50 บาท) เสนอขายจำนวน 100 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 250 ล้านบาท โดยราคาหุ้นย้อนหลังตั้งแต่เริ่มซื้อขายจนถึงวันที่ 8 ม.ค. 2562 ราคาหุ้นผันผวนปรับลดลง 95.95% จากวันที่ 27 ก.พ. 2557 ปิดที่ 3.46 บาท โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 15.60 บาท เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2557 และล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 ราคาหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 0.14 บาท
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,434 วันที่ 10-12 ม.ค. 2562
