"NOK" ปีกหัก! 'จุฬางกูร' เจ๊งหุ้น 6.2 พันล้าน
'นกแอร์' อ่วมหนัก! ผลงานงวด 9 เดือน ปี 2561 ขาดทุน 1,962 ล้านบาท ... "กลุ่มจุฬางกูร" ถือหุ้นรวม 52% ขาดทุนยับ จากต้นทุนเฉลี่ย 7.52 บาท เหลือ 2.30 บาท ขาดทุนจากราคาหุ้นกว่า 6.2 พันล้านบาท บอร์ดอนุมัติเพิ่มทุนอีก 909 ล้านบาท เสนอขาย RO หุ้นละ 2.75 บาท และเพิ่มวงเงินกู้ยืมจาก 'หทัยรัตน์' เดิม 500 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สายการบินต้นทุนตํ่า (โลว์คอสต์) ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะราคานํ้ามันดิบที่ค่อนข้างผันผวน อีกทั้งการแข่งขันในการตัดราคาบัตรโดยสาร สายการบินที่ประสบปัญหาสะสมหลายด้านอย่าง 'นกแอร์' ของบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) (NOK) ตั้งแต่ปี 2558 - ปัจจุบัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่จาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) เป็น "กลุ่มจุฬางกูร" ซึ่งเป็นเครือญาติกับ "กลุ่มไทยซัมมิท"
จากรายงานการได้มาของหลักทรัพย์ NOK ของกลุ่มจุฬางกูร ปี 2558-2561 พบว่า กลุ่มจุฬางกูรซื้อหุ้นรวมกัน 142.98 ล้านหุ้น มีต้นทุนเฉลี่ย 7.52 บาท เป็นเงินลงทุนรวม 1,074.55 ล้านบาท เมื่อเทียบราคาหุ้น NOK ในปัจจุบัน ที่ระดับ 2.30 บาท ทำให้มีมูลค่าหุ้นตามราคาตลาด 328.78 ล้านบาท หรือขาดทุน 745.70 ล้านบาท
ปัจจุบัน "กลุ่มจุฬางกูร" เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 โดยนายณัฐพลถือหุ้นรวม 540,060,809 หุ้น หรือ 23.77%, นายทวีฉัตรถือหุ้นจำนวน 422,387,284 หุ้น หรือ 18.59% และนางหทัยรัตน์ถือหุ้นรวม 226,950,282 หุ้น หรือ 9.99% รวมทั้งหมดเป็นจำนวน 1,189,398,375 หุ้น หรือ 52.35%
จำนวนหุ้นที่กลุ่มจุฬางกูรถืออยู่ทั้งหมด 1,189 ล้านหุ้น หรือ 52.35% มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 2,735 ล้านบาท คิดจากราคาปิดวันที่ 7 ม.ค. 2562 อยู่ที่ 2.30 บาท หากเทียบกับต้นทุนเฉลี่ยในช่วงเวลาที่เข้ามาซื้อหุ้นในปี 2558-2561 มีต้นทุนเฉลี่ย 7.52 บาท เป็นเงินลงทุนรวม 8,944 ล้านบาท เท่ากับว่าขาดทุน 6,209 ล้านบาท
NOK รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2561 มีผลขาดทุนสุทธิ 1,105.97 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 683.53 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้รวม 2,863.67 ล้านบาท หรือลดลง 12.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน งวด 9 เดือน ปี 2561 มีผลขาดทุน 1,962.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 1,628.79 ล้านบาท
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2561 อนุมัติเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 ม.ค. 2562 เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 908,799,918 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,499,249,882 บาท เป็น 3,408,049,800 บาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 908,799,918 หุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ในราคาหุ้นละ 2.75 บาท อัตราส่วนในการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 2.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน นอกจากนี้ ยังอนุมัติการเพิ่มวงเงินกู้ยืมจากเดิมจำนวน 500 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท กับ นางหทัยรัตน์ จุฬางกูร ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท อัตราดอกเบี้ย 6% ระยะเวลากู้ยืมไม่เกิน 12 เดือน
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3434 วันที่ 10-12 มกราคม 2562
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สายการบินต้นทุนตํ่า (โลว์คอสต์) ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะราคานํ้ามันดิบที่ค่อนข้างผันผวน อีกทั้งการแข่งขันในการตัดราคาบัตรโดยสาร สายการบินที่ประสบปัญหาสะสมหลายด้านอย่าง 'นกแอร์' ของบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) (NOK) ตั้งแต่ปี 2558 - ปัจจุบัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่จาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) เป็น "กลุ่มจุฬางกูร" ซึ่งเป็นเครือญาติกับ "กลุ่มไทยซัมมิท"
จากรายงานการได้มาของหลักทรัพย์ NOK ของกลุ่มจุฬางกูร ปี 2558-2561 พบว่า กลุ่มจุฬางกูรซื้อหุ้นรวมกัน 142.98 ล้านหุ้น มีต้นทุนเฉลี่ย 7.52 บาท เป็นเงินลงทุนรวม 1,074.55 ล้านบาท เมื่อเทียบราคาหุ้น NOK ในปัจจุบัน ที่ระดับ 2.30 บาท ทำให้มีมูลค่าหุ้นตามราคาตลาด 328.78 ล้านบาท หรือขาดทุน 745.70 ล้านบาท
ปัจจุบัน "กลุ่มจุฬางกูร" เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 โดยนายณัฐพลถือหุ้นรวม 540,060,809 หุ้น หรือ 23.77%, นายทวีฉัตรถือหุ้นจำนวน 422,387,284 หุ้น หรือ 18.59% และนางหทัยรัตน์ถือหุ้นรวม 226,950,282 หุ้น หรือ 9.99% รวมทั้งหมดเป็นจำนวน 1,189,398,375 หุ้น หรือ 52.35%
จำนวนหุ้นที่กลุ่มจุฬางกูรถืออยู่ทั้งหมด 1,189 ล้านหุ้น หรือ 52.35% มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 2,735 ล้านบาท คิดจากราคาปิดวันที่ 7 ม.ค. 2562 อยู่ที่ 2.30 บาท หากเทียบกับต้นทุนเฉลี่ยในช่วงเวลาที่เข้ามาซื้อหุ้นในปี 2558-2561 มีต้นทุนเฉลี่ย 7.52 บาท เป็นเงินลงทุนรวม 8,944 ล้านบาท เท่ากับว่าขาดทุน 6,209 ล้านบาท
NOK รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2561 มีผลขาดทุนสุทธิ 1,105.97 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 683.53 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้รวม 2,863.67 ล้านบาท หรือลดลง 12.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน งวด 9 เดือน ปี 2561 มีผลขาดทุน 1,962.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 1,628.79 ล้านบาท
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2561 อนุมัติเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 ม.ค. 2562 เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 908,799,918 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,499,249,882 บาท เป็น 3,408,049,800 บาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 908,799,918 หุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ในราคาหุ้นละ 2.75 บาท อัตราส่วนในการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 2.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน นอกจากนี้ ยังอนุมัติการเพิ่มวงเงินกู้ยืมจากเดิมจำนวน 500 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท กับ นางหทัยรัตน์ จุฬางกูร ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท อัตราดอกเบี้ย 6% ระยะเวลากู้ยืมไม่เกิน 12 เดือน
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3434 วันที่ 10-12 มกราคม 2562
