'บ้านปู' ตั้งเป้าส่งถ่านหินตลาดเวียดนาม 2 ล้านตัน!!
'บ้านปู' วางเป้าส่งถ่านหินเข้าตลาดเวียดนาม 2 ล้านตันในปีนี้ พร้อมตั้งสำนักงานที่นครโฮจิมินห์ เพื่อบริหารจัดการ คาดปี 73 ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในเวียดนามจะสูงขึ้นเป็น 130 กิกะวัตต์ สอดรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มปริมาณส่งมอบถ่านหินเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านตัน จากความเชื่อมั่นของลูกค้าในเวียดนามที่มีต่อบ้านปูฯ โดยเฉพาะการมีลูกค้าที่หลากหลายของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดตั้งสำนักงานที่นครโฮจิมินห์ขึ้น เพื่อบริหารจัดการด้านการขายของธุรกิจถ่านหิน ครอบคลุมการดำเนินการด้านการตลาดและการให้บริการลูกค้า การวิจัย การทำสัญญาซื้อขาย และระบบโลจิสติกส์ โดยสำนักงานดังกล่าวแห่งนี้ยังตอบโจทย์การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม รวมถึงศึกษาโอกาสในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปเพิ่มเติมอีกด้วย
ทั้งนี้ แผนพีดีพีของเวียดนาม คาดการณ์ว่า ในปี 2573 ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในประเทศเวียดนามจะสูงขึ้น 2 เท่าตัว เป็น 130 กิกะวัตต์ สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยถ่านหินยังคงเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ผลิตไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ปริมาณถ่านหินภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงมีความจำเป็นในการนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศ ในปีที่ผ่านมา บ้านปูฯ ได้ส่งถ่านหินไปยังเวียดนาม คิดเป็นจำนวน 1.3 ล้านตัน ซึ่งบริษัทมีความพร้อมและศักยภาพที่จะจัดหาและขนส่งถ่านหินที่มีคุณภาพดีและหลากหลายตามที่ลูกค้าต้องการ ทั้งจากแหล่งผลิตของบริษัทเองที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลีย และจากเครือข่ายคู่ค้าด้วยระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง
"เวียดนามเป็นประเทศที่ 10 ที่บ้านปูฯ มองเห็นโอกาสเติบโตทางธุรกิจ เนื่องจากประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่มีความเติบโตด้านความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง"
นางสมฤดี กล่าวต่อไปอีกว่า จากความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ในทุกประเทศที่ไปดำเนินธุรกิจและความแข็งแกร่งและมีวินัยทางการเงิน ประกอบกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักบรรษัทภิบาล บริษัทจึงมั่นใจในการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร และยังคงมองหาโอกาสลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ให้กับองค์กรอย่างมั่นคง ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การตลาด การค้า โลจิสติกส์ และการจัดหาเชื้อเพลิงและสายส่ง) กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (โรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและจากพลังงานทดแทน) และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ระบบจัดเก็บพลังงาน และระบบการจัดการเทคโนโลยีพลังงาน) ทั้งในประเทศเวียดนามและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อสร้างฐานการเติบโตอย่างยั่งยืนให้ธุรกิจในอนาคต และเสริมศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนที่ดีและต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยาว
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มปริมาณส่งมอบถ่านหินเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านตัน จากความเชื่อมั่นของลูกค้าในเวียดนามที่มีต่อบ้านปูฯ โดยเฉพาะการมีลูกค้าที่หลากหลายของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดตั้งสำนักงานที่นครโฮจิมินห์ขึ้น เพื่อบริหารจัดการด้านการขายของธุรกิจถ่านหิน ครอบคลุมการดำเนินการด้านการตลาดและการให้บริการลูกค้า การวิจัย การทำสัญญาซื้อขาย และระบบโลจิสติกส์ โดยสำนักงานดังกล่าวแห่งนี้ยังตอบโจทย์การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม รวมถึงศึกษาโอกาสในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปเพิ่มเติมอีกด้วย
ทั้งนี้ แผนพีดีพีของเวียดนาม คาดการณ์ว่า ในปี 2573 ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในประเทศเวียดนามจะสูงขึ้น 2 เท่าตัว เป็น 130 กิกะวัตต์ สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยถ่านหินยังคงเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ผลิตไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ปริมาณถ่านหินภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงมีความจำเป็นในการนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศ ในปีที่ผ่านมา บ้านปูฯ ได้ส่งถ่านหินไปยังเวียดนาม คิดเป็นจำนวน 1.3 ล้านตัน ซึ่งบริษัทมีความพร้อมและศักยภาพที่จะจัดหาและขนส่งถ่านหินที่มีคุณภาพดีและหลากหลายตามที่ลูกค้าต้องการ ทั้งจากแหล่งผลิตของบริษัทเองที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลีย และจากเครือข่ายคู่ค้าด้วยระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง
"เวียดนามเป็นประเทศที่ 10 ที่บ้านปูฯ มองเห็นโอกาสเติบโตทางธุรกิจ เนื่องจากประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่มีความเติบโตด้านความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง"
นางสมฤดี กล่าวต่อไปอีกว่า จากความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ในทุกประเทศที่ไปดำเนินธุรกิจและความแข็งแกร่งและมีวินัยทางการเงิน ประกอบกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักบรรษัทภิบาล บริษัทจึงมั่นใจในการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร และยังคงมองหาโอกาสลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ให้กับองค์กรอย่างมั่นคง ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การตลาด การค้า โลจิสติกส์ และการจัดหาเชื้อเพลิงและสายส่ง) กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (โรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและจากพลังงานทดแทน) และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ระบบจัดเก็บพลังงาน และระบบการจัดการเทคโนโลยีพลังงาน) ทั้งในประเทศเวียดนามและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อสร้างฐานการเติบโตอย่างยั่งยืนให้ธุรกิจในอนาคต และเสริมศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนที่ดีและต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยาว
