'พานาโซนิค' ปรับโครงสร้างบริหารงานรวมศูนย์

07 ม.ค. 2562 | 02:15 น.
'พานาโซนิค' ปรับโครงสร้างรับการเปลี่ยนแปลง ประสานการทำงานทั้งกรุ๊ปเป็นหนึ่งเดียว สร้างการทำงานเป็นทีมให้มากขึ้น พร้อมผลักดันการขายสินค้าอุตสาหกรรมและโซลูชั่น รวมทั้งตลาดบีทูบีให้มากขึ้น หลังลงทุนสร้างโชว์รูมสาธิตการทำงานกว่า 50 ล้าน เผย จะเพิ่มกำลังผลิต หวังดันยอดขาย 3 ปี แตะแสนล้าน

นายฮิเดคาสึ อิโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพานาโซนิค ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของพานาโซนิค ปี 2561 ยอดขายสะสมเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโต 1% โดยสัดส่วนการขายสินค้าให้กับองค์กร (B2B) เติบโตขึ้น เนื่องจากประเทศไทยเป็นฮับของภูมิภาคและยังมีการผลักดันโปรเจ็กต์ใหญ่อย่างอีอีซี ทำให้ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สินค้าอุตสาหกรรมมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ในปี 2562 พานาโซนิคจึงเตรียมผลักดันตลาดบีทูบีอย่างเต็มที่ ส่วนสินค้าคอนซูเมอร์มีแผนขยับรุกตลาดโซลูชั่นทั้งหมด แต่ทั้งนี้ต้องพยายามทำความเข้าใจกับผู้บริโภคก่อน โดยเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียกับลูกค้าที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เกี่ยวกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแต่ละโครงการ

"เวลานี้โซลูชั่นของพานาโซนิคมีแท็บเล็ตเพียงอันเดียวก็เปิดไฟได้ เปิดผ้าม่านได้ เปิดแอร์ได้ ออโตเมติก กรณีนี้ถ้าผู้บริโภคทั่วไปจะมาซื้อแค่แท็บเล็ตตัวหนึ่ง แอร์ตัวหนึ่ง แล้วมาประกอบกัน ก็คงทำไม่ได้ เราจึงคิดว่า การขายรูปแบบนี้ต้องพูดคุยทำความเข้าใจกับลูกค้า ต้องทำงานกับบริษัทอสังหาฯ และก็ต้องใช้เวลาสักพักที่ลูกค้าทั่วไปจะมีความเข้าใจ พานาโซนิคจึงสร้างโชว์รูมเพื่อแสดงนวัตกรรมสาธิตให้ลูกค้าดูการทำงาน เห็นด้วยตาแล้วสัมผัสเองก็จะรู้เข้าใจภาพได้ง่ายขึ้น" นายฮิเดคาสึ กล่าวและว่า พานาโซนิคได้ลงทุนโชว์รูมไปกว่า 50 ล้านบาท ในเบื้องต้น โดยมีการปรับปรุงเพิ่มเติมอีกหลายส่วน


โปรโมทแทรกอีบุ๊ก

นายฮิเดคาสึ กล่าวอีกว่า จากภาพรวมตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป พานาโซนิคจึงมีการปรับตัวใน 2 เรื่อง ได้แก่ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อตอบรับกับความเปลี่ยนแปลง จากเดิมกลุ่มพานาโซนิคมีทั้งหมด 20 บริษัทในประเทศไทย ทำงานแบบต่างคนต่างทำงาน ขณะนี้ได้พยายามรวบรวมการทำงานให้กระชับขึ้น ทำงานร่วมกันมากขึ้น เพื่อตอบสนองลูกค้าให้เร็วยิ่งขึ้น และอีกเรื่อง คือ แต่ละบริษัทที่เคยทำงานอิสระ ขณะนี้บริษัทแม่ 4 บริษัท จะเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อทำให้ทุกอย่างทำได้รวดเร็ว โดยการย้ายเซ็นเตอร์ของเอเซียมาอยู่ที่มาเลเซีย แทนที่จะต้องติดต่อไปที่ญี่ปุ่น ทำให้ตอบสนองการทำงานได้เร็วกว่าเดิม

นอกจากนี้ ยังพยายามผลักดันให้คนไทยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในระดับกรรมการผู้จัดการของแต่ละบริษัท เพื่อสร้างความเข้าใจกับตลาดคนไทยมากยิ่งขึ้น โดยปีนี้คาดว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนและสร้างผู้นำคนไทยขึ้นมาได้ครบทั้ง 20 บริษัท โดยปีนี้จะพัฒนาส่วนของฝ่ายขายและโรงงานให้เติบโตมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มกำลังการผลิตแต่ละไลน์สินค้าด้วยเป้าหมายการส่งออกทั้งดีไวซ์ พัดลมระบายอากาศ ถ่ายไฟฉาย ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกสินค้ามากว่า 80% ส่วนเป้าหมายการขาย ตั้งเป้าภายในระยะเวลา 3 ปี จะต้องผลักดันทั้งกรุ๊ปสร้างยอดขายให้เติบโตแตะ 1 แสนบ้านบาท

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว