"นัยฤทธิ์" เปิดตัวเข้าพรรคพลังประชารัฐ
นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด และในฐานะสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปัจจุบันเป็นประธานสหกรณ์โคนมฯ และเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือ มิลค์บอร์ด ตั้งแต่ปี 2558 และ 2559 ตามลำดับ จนถึงปัจจุบัน เมื่อได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว ก็จะต้องไปลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวนี้ เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ต้องไม่มีตำแหน่งเป็นนักการเมืองพ่วง ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้ เพราะมีผู้ใหญ่ที่นับถือได้มาทาบทามให้ช่วยลงสมัครเป็น ส.ส. หรือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเป็นตัวแทนของเกษตรกรที่จะเข้าไปช่วยดูแลเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เพราะหากได้รับการคัดเลือกเข้าไปนั่งในตำแหน่ง ก็จะได้รับมอบหมายให้ไปดูโคนมด้านการเกษตร ปศุสัตว์
"ยอมรับว่า คิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจ ระหว่างนั้นได้ปรึกษากับประธาน 4 ภาค ประธานจังหวัดและสมาชิกโคนมต่าง ๆ เห็นพ้องให้ลงสมัครเข้าร่วมพรรคดังกล่าวนี้ เพราะเชื่อว่า หากเข้าไปมีตำแหน่งก็จะเป็นประโยชน์กับสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม รับปากว่าจะดูแลเกษตรกร จะไม่ทอดทิ้งเกษตรกรอย่างแน่นอน เพราะอยู่กับอาชีพนี้มานานแล้ว คาดว่าจะทำประโยชน์ให้กับวงการและสมาชิก จะผลักดันหลาย ๆ เรื่องและทราบปัญหาเป็นอย่างดี"
นายนัยฤทธิ์ กล่าวในตอนท้ายว่า สาเหตุที่เลือกพรรคนี้ เพราะว่าเป็นพรรคที่ชื่นชอบและเห็นผลงานมาโดยตลอด 4 ปี ได้มีนโยบายช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงทำให้เกษตรกรรายเล็กได้รับประโยชน์เป็นอันมาก และมองว่า โอกาสที่พรรคพลังประชารัฐจะได้จัดตั้งรัฐบาลแน่นอน! จึงตัดสินใจอยู่พรรคนี้ เมื่อได้เข้าไปแล้ว สัญญาว่าจะทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ ขอให้พี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศช่วยสนับสนุนด้วย
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 ม.ค. ที่จะถึงนี้ จะมีการประชุมเพื่อกำหนดการเลือกตั้งประธานคนใหม่และรับรองงบประมาณรายรับรายจ่าย และคาดว่าจะประชุมใหญ่ในวันที่ 14 ก.พ. ในวันนั้นจะมีประธานคนใหม่เพื่อทำหน้าที่แทนต่อไป
➣ บทบาทของประธานชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2559 นายนัยฤทธิ์ จำเล ได้รับเลือกจากสหกรณ์โคนมทั่วประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประธานชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด เพื่อทำหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานของรัฐ โดยการผลักดันให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและสหกรณ์โคนมพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบให้ได้คุณภาพที่ดีตามเกณฑ์มาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ และต้องใช้น้ำนมโค 100% ในการผลิตนมในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน และร่วมแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและสหกรณ์โคนมทั่วประเทศที่ไม่มีที่จำหน่าย รวมถึงการผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำนมดิบส่วนกลาง เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่เกษตรกร ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ขายและบริษัทที่ปฏิเสธการรับซื้อน้ำนมดิบ เพื่อเป็นการตัดสินคุณภาพให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย นอกจากนี้ ยังผลักดันให้มีการพิจารณาควบคุมปริมาณการนำเข้านมผง ไม่ให้มีปริมาณมากจนก่อให้เกิดปัญหาในการปฏิเสธรับซื้อน้ำนมดิบจากบริษัทผู้รับซื้อ โดยให้พิจารณากำหนดปริมาณการนำเข้านมผงจากอัตราส่วนปริมาณการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรและสหกรณ์โคนม
