ผวาพายุ 'ปาบึก' ถล่มท่วมฉับพลัน! 7 เขื่อนใต้ ทะลักล้น

04 ม.ค. 2562 | 06:25 น.
S__333619205
วันนี้ (4 ม.ค. 62) นายสิริวิชญ กลิ่นภักดี ผู้อำนวยการ กองบริหารจัดการลุ่มน้ำ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ปฏิบัติการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ เปิดเผยสถานการณ์พายุโซนร้อน 'ปาบึก' (Pabuk) และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ว่า จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (สสนก.) เมื่อเวลา 09.00 น. พบจุดศูนย์กลางของพายุโซนร้อน 'ปาบึก' (Pabuk) แล้ว บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 75 กม./ชม. เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. ห่างจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 150 กม. คาดการณ์ว่าพายุดังกล่าวจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณ อ.ปากพนัง อ.เมือง อ.ท่าศาลา และ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงเย็นของวันนี้ โดยขณะที่พายุเคลื่อนตัวผ่าน จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี จะส่งผลกระทบให้มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง ในช่วงวันที่ 4-5 ม.ค. 2562


2019-01-04_TopChart_07

ตั้งแต่ จ.ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และสตูล โดยในพื้นที่ จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ดังกล่าวลดลงและเป็นฝนฟ้าคะนอง จากนั้นพายุจะเคลื่อนตัวผ่านภาคใต้ตอนบนผ่านลงไปสู่ทะเลอันดามัน ในวันที่ 6 ม.ค. 2562 ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังในช่วงต่อจากนี้ไป คือ เมื่อพายุเคลื่อนเข้าฝั่งจะเกิดแรงลม ทำให้เกิดน้ำทะเลยกตัวสูงขึ้นและทำให้เกิดคลื่นซัดฝั่ง โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย คาดการณ์ว่าจะมีความสูงของคลื่นประมาณ 3-5 เมตร โดยเฉพาะ จ.ชุมพร (อ.ละแม อ.หลังสวน อ.ทุ่งตะโก อ.สวี อ.เมือง), จ.สุราษฎร์ธานี (อ.ท่าฉาง อ.ดอนสัก อ.กาญจนดิษฐ์ อ.พุนพิน อ.ท่าชนะ อ.ไชยา), จ.นครศรีธรรมราช (อ.ท่าศาลา อ.เมือง อ.ปากพนัง อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร) และจากการคาดการณ์ความสูงคลื่นสูงสุดของแบบจำลอง สสนก.


29958

ในวันนี้ ในพื้นที่ 3 แห่ง ได้แก่ (1) อ.ระโนด จ.สงขลา ความสูงคลื่นประมาณ 2.48 ม.รทก. (เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง) ในเวลา 13.00 น. (2) บริเวณเกาะปราบ จ.สุราษฎร์ธานี คาดการณ์จะมีคลื่นสูงประมาณ 3.04 ม.รทก. ในเวลา 18.00 น. และ (3) อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ความสูงขึ้นประมาณ 3.0 ม.รทก. ในเวลา 18.00 น. ซึ่งในส่วนนี้จังหวัดในพื้นที่ได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายประชาชนและเตรียมความพร้อมด้านการให้ความช่วยเหลือประชาชนไว้แล้ว นอกจากนั้น ยังคงต้องเฝ้าระวังปริมาณฝนตกหนักในพื้นที่ จ.ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และสตูล ที่อาจส่งผลให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่ง น้ำท่วมขังได้ โดยพบว่า ปริมาณฝนสะสม 1 วัน ในพื้นที่ จ.สงขลา มากกว่า 200 มม. และใน จ.ยะลา ปัตตานี และ จ.นราธิวาส มากกว่า 150 มม.


242298

สำหรับการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ สทนช. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลาง จ.ยะลา อ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และอ่างเก็บน้ำเขื่อนปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบว่า ทั้ง 4 แห่ง ยังมีพื้นที่ว่างในอ่างเพียงพอรองรับปริมาณฝนที่จะตกเพิ่มขึ้นในช่วงต่อจากนี้ไปได้ ทั้งนี้ จากการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำของ สทนช. พบว่า ยังคงมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลางอีก 7 แห่ง จะมีแนวโน้มปริมาณน้ำล้นอ่างเก็บน้ำ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำกระทูน อ่างเก็บน้ำดินแดง จ.นครศรีธรรมราช, อ่างเก็บน้ำคลองจะกระ อ่างเก็บน้ำคลองบึง จ.ประจวบคีรีขันธ์, อ่างเก็บน้ำห้วยสามเขา จ.เพชรบุรี, อ่างเก็บน้ำคลองสวนหนัง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่ง สทนช. ได้มอบหมายกรมชลประทานเร่งพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 7 แห่ง ให้สอดคล้องกับปริมาณฝนและปริมาณน้ำในพื้นที่ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำดังกล่าวให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ด้านท้ายน้ำน้อยที่สุด


● กรมชลประทานเร่งพร่องน้ำ


S__5644301

ด้าน นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดี กรมชลประทาน กล่าวว่า ผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน 'ปาบึก' และได้มีการพร่องน้ำทั้งในอ่างเก็บน้ำและลำน้ำต่าง ๆ ไว้แล้ว เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ แต่เนื่องจากเส้นทางการเคลื่อนตัวของพายุเปลี่ยนไปจากการวิเคราะห์รายพื้นที่ พบว่า มีอ่างเก็บน้ำที่มีความจำเป็นต้องมีการพร่องน้ำเพิ่ม เพื่อให้มีช่องว่างมากขึ้นไว้รองรับปริมาณน้ำที่จะไหลลงอ่างฯ ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำอ่างขนาดกลาง 7 แห่ง ดังนี้ จ.เพชรบุรี 1 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำห้วยสามเขา จ.ประจวบคีรีขันธ์ 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองจะกระและอ่างเก็บน้ำคลองบึง จ.สุราษฎร์ธานี 1 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองสวนหนัง จ.นครศรีธรรมราช 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองกะทูนและอ่างเก็บน้ำคลองดินแดง และ จ.กระบี่ 1 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองหยา


S__4694033

นอกจากนี้ ยังมีอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 22 แห่ง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อน แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี, อ่างเก็บน้ำปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอ่างเก็บน้ำรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางอีก 19 แห่ง ดังนี้ จ.เพชรบุรี 3 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำบ้านกระหร่างสาม อ่างเก็บน้ำทุ่งขาม อ่างเก็บน้ำห้วยสงสัย, จ.ประจวบคีรีขันธ์ 5 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยอ่างหิน อ่างเก็บน้ำยางชุม อ่างเก็บน้ำห้วยวังเต็น อ่างเก็บน้ำห้วยมงคล อ่างเก็บน้ำห้วยไทรงาม, จ.สุราษฎร์ธานี 1 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำบางทรายนวล

จ.นครศรีธรรมราช 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส และอ่างเก็บน้ำเสม็ดจวน, จ.ระนอง 1 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหาดส้มแป้น, จ.กระบี่ 1 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยลึก, จ.ตรัง 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองท่างิ้ว และอ่างเก็บน้ำบ้านพรุเตย, จ.พัทลุง 3 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง อ่างเก็บน้ำป่าบอน อ่างเก็บน้ำป่าพะยอม, จ.สงขลา มี 1 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองหลา


S__4694031

สำหรับการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ของกรมชลประทานนั้นจะใช้ข้อมูล ณ เวลาจริงที่เกิดขึ้น จากสถานีสำรวจทางอุทกวิทยาตรวจวัดระดับน้ำและปริมาณน้ำ นำมาใช้ในการวิเคราะห์คาดการณ์และบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับช่วงเวลา เพื่อลดผลกระทบและใช้แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบข้อมูลสถานการณ์น้ำในพื้นที่ของตนอย่างต่อเนื่อง

 

[caption id="attachment_369321" align="aligncenter" width="503"] ผวาพายุ 'ปาบึก' ถล่มท่วมฉับพลัน! 7 เขื่อนใต้ ทะลักล้น เพิ่มเพื่อน [/caption]

กรมปศุสัตว์กรจ่ออพยพสัตว์เลี้ยงเหยื่อปาบึก




S__23126040

เช่นเดียวกับ นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนหน่วย HHU ซึ่งประกอบด้วย นายสัตวแพทย์ สัตวแพทย์ นักวิชาการสัตวบาล จากส่วนกลาง และภูมิภาค ได้แก่ สำนักงานปศุสัตว์เขต สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด หน่วยพัฒนาสุขภาพและผลผลิตสัตว์ (HHU) จำนวน 25 ทีม รวมประมาณ 100 นาย พร้อมอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ยา ลงพื้นที่ที่กำลังประสบภัยพิบัติจากพายุโซนร้อน 'ปาบึก' (PABUK) โดยด่วน โดยเข้าไปเสริมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ประสบอุทกภัยรุนแรงในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา


S__23126057

โดยจัดทำคอกพักสัตว์ อพยพเคลื่อนย้ายสัตว์จากพื้นที่อุทกภัย รักษาพยาบาลสัตว์ป่วย ฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดในสัตว์ โดยมีรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ทั้ง 2 ท่าน ได้แก่ นายสัตวแพทย์ สมชวน รัตนมังคลานนท์ และนายอำพันธุ์ เวฬุตันติ พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์ บุรินทร์ สรสิทธิ์สุขสกุล ผอ.กองสารวัตรและกักกัน, นายวิวัฒน์ ไชยชะอุ่ม ผอ.กองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์, นายสุรเดช สมิเปรม เลขานุการกรม และผู้บริหาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในสังกัดที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี ณ ลานหน้าอาคารสำนักงานเลขานุการกรม กรมปศุสัตว์ พญาไท กทม.

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก