Naraya (นารายา) แบรนด์กระเป๋าผ้าสัญชาติไทย ที่ต่างชาติรู้จักกันมากโดยเฉพาะชาวจีน วันนี้นารายาก้าวย่างเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 อย่างภาคภูมิใจด้วยการเปิดตัว Naraya Flagship Store and Tea Room หรือแฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกของไทยที่ไอคอนสยาม นอกจากใหญ่ที่สุดบนพื้นที่ขนาด 1,350 ตร.ม.แล้ว ยังเป็นการเปิดตัวร้านชาแห่งแรกของนารายาเช่นกัน (Naraya Tea Room) เพื่อเติมเต็มอรรถรสของการเลือกซื้อสินค้า ตอกย้ำความเป็นไทยด้วยเมนูที่แสดงถึงอัตลักษณ์ รวมทั้งตั้งเป้าขยายโมเดลนี้ในอนาคต ที่สำคัญได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมคอลเลกชันพิเศษ พร้อมแย้มถึงแผนพัฒนารุกตลาดบนแพลตฟอร์มของอี-คอมเมิร์ซจากผู้บริหารหนุ่ม ผู้รับไม้ต่อจากคุณแม่ “พศิน ลาทูรัส” ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด
คุณวาสนา รุ่งแสนทอง ลาทูรัส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด บอกเล่าอย่างเป็นกันเองว่า สำหรับ นารายา แบรนด์นั้น คือ กระเป๋าสัญชาติไทย โดยคนไทย ซึ่งทุกกระบวนการผลิตนั้นได้ใส่ใจอย่างประณีต สร้างสรรค์ บนกรอบพื้นฐานของราคาที่จับต้องได้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Luxury Affordable” หรือ “สินค้าดีราคาไม่แพง” ซึ่งนี่คือนิยามที่แท้จริงของนารายา ในปีนี้ได้เปิดแฟล็กชิพสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนเนื้อที่ 1,350 ตร.ม.บนทำเลสถานที่ที่แสดงออกถึงความเป็นไทยอย่างศูนย์การค้าไอคอนสยาม
“เชื่อว่าทำเลแห่งนี้จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะสาขานี้ได้นำเอาเสน่ห์ความงามของผ้าไหมมาออกแบบใหม่ ในคอลเลกชันสุดพิเศษอย่าง Evangelisa Naraya Silk หรือแบรนด์เสื้อแนวใหม่ที่ผสมผสานความงามแบบโบฮีเมียนเข้าไป ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ของนารายา “Bring a piece of Thailand” ซึ่งไม่เพียงแต่สวมใส่สบายยังแสดงออกถึงความงามและความแตกต่างจากสินค้านารายาในกลุ่มผู้บริโภคเดิม เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีแนวคิดและชื่นชอบงานศิลปะ ผนวกกับแนวคิดที่สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์การเป็นตัวเองอย่างชัดเจน ด้วยความนุ่มลึกโดยสุนทรียภาพผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมคอลเลกชันนี้ประกอบไปด้วย เสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับ ซึ่งยังคงราคาที่สมเหตุสมผลและคุณภาพที่ดีไว้เช่นเคย” คุณวาสนา กล่าวเสริม
นอกจากเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ นารายา ไอคอนสยาม ยังได้เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะผู้ที่มาจับจ่ายใช้สอยกับทางร้านอย่าง Naraya Tea Room หรือ ร้านชาจากนารายา ซึ่งนับเป็นสาขาแรกที่พร้อมชูธง จากการได้พูดคุยกับ “คุณพศิน ลาทูรัส” ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ได้เล่าถึงภาพรวมและแนวคิดของการเปิดร้านชาว่า “รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อลูกค้าคนพิเศษโดยเฉพาะ รองรับผู้ที่มาช็อปปิ้งภายในร้านนารายาให้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น”
“Naraya Tea Room เลือกนำเสนอเมนูที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เช่น กระทงทองพันชั่ง ขนมปังปิ้งเนยนารายากับสังขยา ข้าวเหนียวมูลมะม่วง ข้าวตังหน้าตั้ง ชามะลิ ชากุหลาบและชาสมุนไพรต่างๆ เพื่อเปิดประสบการณ์การพักผ่อนอย่างมีสุนทรียะไปกับนารายา สำหรับสาขานี้รองรับกลุ่มลูกค้าได้ประมาณ 55 ที่นั่ง ภายในตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเฉดสีขาว สีทอง ที่สำคัญมีห้องสำหรับพูดคุยธุรกิจอย่างเป็นส่วนตัวอีกด้วย โดยนอกจากเป็นสาขาแรกยังเป็นต้นแบบที่ดีในการต่อยอดสู่การสร้างสาขาต่อไป ในอนาคต”
“คุณพศิน” เล่าต่ออีกว่า ตลอด 28 ปีที่ผ่านมาเราไม่เคยทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ โดยปีหน้าตั้งเป้าสร้างการรับรู้ที่ดีในวงกว้างเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าอย่างครอบคลุมโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ อย่างไรก็ดีไม่เพียงแต่สาขากว่า 30 แห่งที่เรารุกตลาด ยังมองเห็นถึงความสำคัญของประสบการณ์การช็อปปิ้งใหม่ๆของผู้บริโภคในยุคดิจิตอลบนแพลตฟอร์มของอี-คอมเมิร์ซ จึงเบนเข็มหันมาพัฒนาตลาดออนไลน์อย่างเข้มข้นเช่นกัน ซึ่งในขณะนี้เริ่มดำเนินการแล้วในกลุ่มประเทศโซนเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง รวมทั้งจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของเรา
“สำหรับแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซของนารายาในขณะนี้ได้ขยายไปยัง Alibaba, VIP.com และ Yun G (ยุนจี) รวมทั้ง KARA โซเชียลคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มน้องใหม่ที่กำลังมาแรงในโลกดิจิตอล ขณะที่ในไทยมีทั้ง Lazada และ JD Central ที่สำคัญทางนารายาพร้อมเป็นส่วนเติมเต็มในแคมเปญต่างๆ อาทิ 11.11 ของลาซาด้า ที่ยอดขายก็ถล่มทลายเป็นประวัติการณ์ โดยเราตั้งเป้าไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 5-10% สำหรับตลาดไทย ขณะที่ตลาดต่างประเทศมองไว้ 20%” Mr.George Hartel COO บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวเสริม
ด้านแผนพัฒนาต่อจากนี้ นารายา ยังคงมุ่งมั่นนำเอาผลิตภัณฑ์คุณภาพดีเข้ามาจัดจำหน่ายในหมวดหมู่ต่างๆ โดยเฉพาะในปีนี้มีความพร้อมที่จะนำเอาผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เข้ามาจัดจำหน่ายคู่กับสินค้าของนารายา โดยทำเป็น Travelling kit ด้านสาขายังคงมองทำเลต่างๆ ทั้งแบบโมเดิร์นเทรดและ Stand Alone ขณะที่ออนไลน์คาดว่าจะรุกเต็มตัว โดยเฉพาะการขยายอี-คอมเมิร์ซไปยังแพลตฟอร์มใหม่ๆ เช่น Amazon สำหรับร้านชานอกจากเติมเต็มการพักผ่อนให้กับผู้ที่มาจับจ่ายใช้สอยในร้านนารายา ยังเป็นโมเดลในอนาคตสำหรับการสร้างร้านชาและอาหารไทยไปยังตามจุดต่างๆ อีกด้วย
การไม่หยุดนิ่งด้านการพัฒนา รวมทั้งการสานต่อจากผู้บริหารหนุ่ม ทำให้นารายาในปีหน้าและปีต่อๆ ไป จะมีสีสันและพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสุนทรียภาพผ่านสินค้าไทย โดยคนไทยไปยังตลาดโลกได้อย่างภาคภูมิใจ ซึ่งนับเป็นการก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ที่น่าจับตามอง
หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,433 วันที่ 6 - 9 มกราคม พ.ศ. 2562