บล.กสิกรไทยมองดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า(2-4 ม.ค.62) มีแนวรับที่ 1,545 และแนวต้านที่ 1,615 จุด

30 ธ.ค. 2561 | 00:03 น.
สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยประจำสัปดาห์

ดัชนีตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้เล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,563.88 จุด ลดลง 1.97% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 14.51% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 35,805.43 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลง 2.91% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 356.44 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเกือบตลอดสัปดาห์ ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก และการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์มีสถานะขายสุทธิหุ้นไทยตลอดสัปดาห์ อย่างไรก็ดี แรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน และการทำ Window dressing ช่วยหนุนดัชนีฯ ให้สามารถฟื้นตัวขึ้นในวันทำการสุดท้ายของปี 2561

595959859 สรุปภาพรวมการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในปี 2561

SET Index มีกรอบการเคลื่อนไหวในช่วง 1,546.62-1,852.51 จุด ในปี 2561 โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดสิ้นปี 2561 ที่ระดับ 1,563.88 จุด ลดลง 10.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2560 ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นปี โดยมีแรงหนุนจากความคาดหวังต่อผลประกอบการไตรมาส 4/2560 อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาลงในช่วงที่เหลือของปี ท่ามกลางปัจจัยกดดันหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงยืดเยื้อจนส่งผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกและการส่งออกของไทย สถานการณ์ที่เปราะบางของประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ตลอดจนการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด

ภาพรวมตลาดหุ้นในปี 2561 ตลาดหุ้นไทยลดลง 10.8% มาอยู่ที่ 1,563.88 จุด ณ สิ้นปี 2561

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (2-4 ม.ค. 2562) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,545 และ 1,530 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,585 และ 1,600 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดและเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนธ.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของหลายประเทศในเอเชียและยุโรป

ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

[caption id="attachment_368119" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]