"เอกนิติ"เข็นสรรพากร สู่เป้าหมาย Digital RD ปี 63
กรมสรรพากรภายใต้การนำของ “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” อธิบดีคนปัจจุบันได้ประกาศปรับเปลี่ยนองค์กรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิตอลและตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล โดยนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้ในทุกกระบวนการหรือที่เรียกว่า “Digital Transformation” เพื่อเพิ่มประสิทธิ ภาพในการบริหารจัดเก็บภาษี ควบคู่ไปกับการสร้างประสบ การณ์ที่ดีให้กับผู้เสียภาษี เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการเป็น “กรมสรรพากรดิจิตอล” หรือ “Digital RD” ภายในปี 2563 ไม่ว่าจะเป็นระบบ e-filing มาใช้ยื่นแบบแสดงรายการในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt มาใช้ในการออกใบกำกับภาษี หรือ ใบรับอิเล็กทรอนิกส์
[caption id="attachment_368003" align="aligncenter" width="503"]
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ[/caption]
“เอกนิติ”เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การขับเคลื่อนองค์กรจากนี้จะอยู่ภายใต้ยุทธ ศาสตร์ D2RIVE โดย D2 คือ Digital Transformation และ Data Analytics จะสร้างเป็นดีเอ็นเอให้กับสรรพากรใหม่ จากเดิมที่คนสรรพากรจะถือว่า ดีเอ็นเอคือการจัดเก็บรายได้ ส่วน R คือ Revenue Collection การจัดเก็บรายได้ I คือ Innovation เพราะต้องการให้คนที่นี่ทำนวัตกรรมให้เหมือนกับเอกชน V คือ Values อยากให้ทำเรื่องซื่อสัตย์ให้บริการประชาชน และ E คือ Efficiency ประสิทธิภาพ ซึ่งงานหลักคือ จัดเก็บให้ได้ตามเป้าหมาย
กระบวนการทำงานของสรรพากรจากนี้ จะเป็นการเชื่อมโยงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของผู้เสียภาษีผ่านระบบดิจิตอล บุคคลธรรมดาจะเชื่อมโยงกับข้อมูลกับกรมการปกครอง นิติบุคคลจะเชื่อมโยงกับ กระทรวงพาณิชย์ที่ยื่นจดทะเบียนธุรกิจ จะสะดวกขึ้น อย่างงบการเงินที่มายื่น ก็ถือว่าส่งสรรพากรเลย หรือค่าลดหย่อนต่างๆ จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับสรรพากรทั้งหมดเป็น e-filing ทั้งหมด ที่ผ่านมาสรรพากรจะคิดเพียงว่า จะเก็บภาษีอย่างไร ไม่เคยคิดเหมือนเอกชนคิดที่ว่า เอาลูกค้าเป็นหลัก ดังนั้นจะเปลี่ยนมุมมอง เอาผู้เสียภาษีเป็นหลักให้ผู้เสียภาษีได้รับบริการที่ดีขึ้น
“เรามีปัญหามากๆ ในตอนนี้คือ ไม่สามารถแยกระหว่างคนดีกับคนไม่ดีออกจากกันได้ แต่ถ้าเราได้นำ Data Analytics จะสามารถแยกได้ คนดีเราจะได้ให้บริการดีขึ้น คืนภาษีให้เร็วขึ้น พวกคนไม่ดีก็รีบจัดการ จะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บได้ อย่างเราทำมาแค่ 4-5 เดือนพบว่า 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 จัดเก็บรายได้ 274,438 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 27,200 ล้านบาทหรือ 11% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 33,871 ล้านบาท 14% ซึ่งภาวะเศรษฐกิจก็มีส่วน แต่เศรษฐกิจรวมเงินเฟ้อโต 5-6% เราโตถึง 14%สะท้อนชัดว่าหลักๆ มาจากการปรับกระบวน การทำงานเพราะจะทำให้รู้ว่า ยังมีคนที่เสียไม่ถูกและทำให้ถูกหรือคนที่ตั้งใจโกงก็ไปทำให้ถูกและจัดการเสีย”
หน้า 14หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,432 วันที่ 3 - 5 มกราคม พ.ศ. 2562
[caption id="attachment_368003" align="aligncenter" width="503"]
“เอกนิติ”เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การขับเคลื่อนองค์กรจากนี้จะอยู่ภายใต้ยุทธ ศาสตร์ D2RIVE โดย D2 คือ Digital Transformation และ Data Analytics จะสร้างเป็นดีเอ็นเอให้กับสรรพากรใหม่ จากเดิมที่คนสรรพากรจะถือว่า ดีเอ็นเอคือการจัดเก็บรายได้ ส่วน R คือ Revenue Collection การจัดเก็บรายได้ I คือ Innovation เพราะต้องการให้คนที่นี่ทำนวัตกรรมให้เหมือนกับเอกชน V คือ Values อยากให้ทำเรื่องซื่อสัตย์ให้บริการประชาชน และ E คือ Efficiency ประสิทธิภาพ ซึ่งงานหลักคือ จัดเก็บให้ได้ตามเป้าหมาย
กระบวนการทำงานของสรรพากรจากนี้ จะเป็นการเชื่อมโยงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของผู้เสียภาษีผ่านระบบดิจิตอล บุคคลธรรมดาจะเชื่อมโยงกับข้อมูลกับกรมการปกครอง นิติบุคคลจะเชื่อมโยงกับ กระทรวงพาณิชย์ที่ยื่นจดทะเบียนธุรกิจ จะสะดวกขึ้น อย่างงบการเงินที่มายื่น ก็ถือว่าส่งสรรพากรเลย หรือค่าลดหย่อนต่างๆ จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับสรรพากรทั้งหมดเป็น e-filing ทั้งหมด ที่ผ่านมาสรรพากรจะคิดเพียงว่า จะเก็บภาษีอย่างไร ไม่เคยคิดเหมือนเอกชนคิดที่ว่า เอาลูกค้าเป็นหลัก ดังนั้นจะเปลี่ยนมุมมอง เอาผู้เสียภาษีเป็นหลักให้ผู้เสียภาษีได้รับบริการที่ดีขึ้น
“เรามีปัญหามากๆ ในตอนนี้คือ ไม่สามารถแยกระหว่างคนดีกับคนไม่ดีออกจากกันได้ แต่ถ้าเราได้นำ Data Analytics จะสามารถแยกได้ คนดีเราจะได้ให้บริการดีขึ้น คืนภาษีให้เร็วขึ้น พวกคนไม่ดีก็รีบจัดการ จะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บได้ อย่างเราทำมาแค่ 4-5 เดือนพบว่า 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 จัดเก็บรายได้ 274,438 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 27,200 ล้านบาทหรือ 11% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 33,871 ล้านบาท 14% ซึ่งภาวะเศรษฐกิจก็มีส่วน แต่เศรษฐกิจรวมเงินเฟ้อโต 5-6% เราโตถึง 14%สะท้อนชัดว่าหลักๆ มาจากการปรับกระบวน การทำงานเพราะจะทำให้รู้ว่า ยังมีคนที่เสียไม่ถูกและทำให้ถูกหรือคนที่ตั้งใจโกงก็ไปทำให้ถูกและจัดการเสีย”
หน้า 14หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,432 วันที่ 3 - 5 มกราคม พ.ศ. 2562
