ดีเอสไอบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือภัยไซเบอร์ปี 62

28 ธ.ค. 2561 | 07:23 น.
DSC_2240 รายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เผยว่า ในวันนี้(28 ธ.ค.2561) พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สมาคมธนาคารไทย และกรมประชาสัมพันธ์ จัดประชุมหารือมาตรการในการป้องกันและปราบปรามเว็บไซต์ที่ขัดต่อความเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีต่อประชาชน เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยไซเบอร์ และสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในเรื่องการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ประชุมฯได้สรุปข้อมูลการรับเรื่องร้องเรียนในรอบปีที่ผ่านมา จึงขอแจ้งเตือนประชาชนถึงรูปแบบการกระทำความผิด และวิธีการป้องกันเพื่อให้รู้เท่าทันอาชญากรรมรูปแบบต่างๆ ดังนี้

1. การหลอกลวงหรือฉ้อโกงในการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) เช่น การซื้อขายสินค้า/บริการ การชำระเงิน การโฆษณาโดยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่าง ๆ ที่ไม่มีอยู่จริง (Fraudulent) ประชาชนควรใช้ความระมัดระวัง และตรวจสอบการมีอยู่จริงของผู้ขายสินค้าหรือบริการ หากเกิดความสงสัยหรือไม่แน่ใจ ประชาชนต้องทำการตรวจสอบกลับไปยังหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่โดยตรงในการกำกับดูแลการจำหน่ายสินค้า หรือให้บริการประเภทนั้น ๆ ก่อนตัดสินใจ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น

2.การหลอกลวงให้เข้าเว็บไซต์ปลอมที่ทำเลียนแบบเว็บไซต์จริง (Phishing) ซึ่งเป็นวิธีการหลอกลวงที่แพร่หลาย เพื่อมุ่งหวังเงิน โดยจะหลอกให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลสำคัญส่วนบุคคล จากนั้นคนร้ายจะนำข้อมูลดังกล่าวไปทำธุรกรรมทางการเงินแทนผู้เสียหาย เป็นการหลอกลวงเพื่อให้ได้ข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางธนาคาร ดังนั้นประชาชนต้องใช้ความระมัดระวัง และไม่เผอเรอหรือรีบเร่งดำเนินการหรือคีย์ข้อมูลสำคัญ โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการธุรกรรมทางด้านการเงินการธนาคารใด ๆ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ไม่น่าไว้ใจ และทำการตรวจสอบความถูกต้องของระบบการทำธุรกรรมเกี่ยวกับการเงินการธนาคารทุกครั้ง อย่าหลงเชื่อการขอข้อมูลธุรกรรมง่าย ๆ

DSC_2259 3. การหลอกลวงว่าเป็นบุคคลอื่นโดยการปลอมอีเมล์ (Fake Mail) และการเข้าถึงข้อมูลอีเมล์
โดยไม่ชอบ (Hack Mail) ให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน กรณีนี้จะมีการจัดทำอีเมล์ปลอม ที่มีชื่อ (Account) ที่เหมือนอีเมล์จริง หรือการลักลอบเข้าถึงหรือทำการยึดอีเมล์ (Account) ของบุคคลอื่นโดยมิชอบ และทำการหลอกลวงบุคคลที่ติดต่อทางอีเมล์ว่า มีความจำเป็นต้องการใช้เงิน เกิดเหตุการณ์เดือดร้อน และขอยืมเงินบุคคลที่อยู่
ในอีเมล์ ทำให้ผู้ได้รับการร้องขอช่วยเหลือทางการเงินเกิดความเสียหายจำนวนมาก ดังนั้นประชาชนควรดำเนินการตรวจสอบกลับไปยังตัวบุคคลเจ้าของอีเมล์ที่ได้รับการติดต่อมาก่อนให้ความช่วยเหลือทุกครั้ง

4.การกระทำความผิดโดยการเผยแพร่หรือส่งต่อภาพลามกอนาจาร หรือเผยแพร่หรือส่งต่อข้อความอันเป็นเท็จที่จะทำให้บุคคลอื่นถูกดูหมิ่น เกลียดชังอันเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และกฎหมายอาญา ประชาชนควรใช้วิจารณญาณและความรอบคอบ ก่อนทำการเผยแพร่หรือส่งต่อ โดยเฉพาะการใช้ช่องทางผ่าน Social Network ต่าง ๆ

5.การหลอกลวงผู้หญิงหรือเพศอื่นด้วยการพูดคุยผ่านโปรแกรมแชท หรือการส่งข้อความในลักษณะที่เป็นการจีบ ทำให้เหยื่อเชื่อว่าตกหลุมรัก และไว้ใจ จากนั้นจะขอยืมเงิน หรือหลอกให้ส่งยาเสพติดหรือทำสิ่งผิดกฎหมาย (Romance Scam) ประชาชนจึงควรใช้วิจารณญาณและความรอบคอบ

6. การรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝาก เข้าข่ายการกระทำความผิดในฐานะตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนการกระทำความผิดอาญา

หากประชาชนมีข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดในลักษณะข้างต้น ในส่วนของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีช่องทางในการติดต่อ ผ่าน 5 ช่องทาง ดังนี้ (1) การติดต่อด้วยตนเองที่กรมสอบสวน คดีพิเศษ (2) การติดต่อผ่านเว็บไซต์ www.dsi.go.th (3) การยื่นหนังสือที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (4) ติดต่อผ่านสายด่วนหรือ Call Center 1202 (โทร.ฟรีทั่วประเทศ) และ (5) การติดต่อผ่านศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษทั้ง 10 เขต โดยข้อมูลเบาะแสที่ประชาชนแจ้งเข้ามาจะถูกเก็บข้อมูลเป็นความลับ และหน่วยอื่น ดังนี้ (1) กสทช. ติดต่อผ่านสายด่วนหรือ Call Center 1200 (2) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ติดต่อผ่านสายด่วนหรือ Call Center 1212 (3) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ติดต่อผ่านสายด่วนหรือ Call Center 1710 (4) กรมประชาสัมพันธ์ โทร. 02-6182323 (5) สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ติดต่อผ่านสายด่วนหรือ Call Center 1111 กด 77 และ (6) กระทรวงวัฒนธรรม ติดต่อผ่านสายด่วนหรือ Call Center 1765 595959859