อัด 140 ล้าน! หนุนใช้หุ่นยนต์ฯ หวังสร้างตลาด 1.5 แสนล้าน รับนักลงทุนตั้งโรงงาน
กระทรวงอุตสาหกรรมอัดงบ 140 ล้านบาท หนุนอุตฯหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ หวังดันตลาดมูลค่า 1.5 แสนล้านบาท ภายในประเทศให้เกิดขึ้น เพื่อจูงใจนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิต
นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในปี 2562 ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะใช้งบประมาณ 140 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ภายใต้แผนบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ โดยจะดำเนินงานใน 3 ส่วนงาน ได้แก่ การจัดทำระบบ IT รองรับการดำเนินงานตามภารกิจของศูนย์ความเป็นเลิศด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ หรือ Center of Robotics Excellence (CoRE) สำหรับพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์และการส่งเสริมการใช้งานด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนและเร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เช่น ระบบการขึ้นทะเบียนของผู้ออกแบบ ประกอบติดตั้ง พร้อมระบบซอฟต์แวร์ หรือ System Integrator (SI) ระบบการยื่นขอยกเว้นอากรขาเข้าชิ้นส่วนอุปกรณ์หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติที่เชื่อมโยงกับกรมศุลกากร และระบบการบริการจัดการ CoRE เป็นต้น
อีกทั้ง การดำเนินกิจกรรมพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยส่งเสริมผู้ประกอบการในการจัดทำต้นแบบเพื่ออุตสาหกรรม 85 ต้นแบบ พัฒนาบุคลากรในกลุ่มงาน SI Warrior และบุคลากรในสถานประกอบการ จำนวน 570 คน พัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติ จำนวน 165 คน รวมถึงบ่มเพาะสตาร์ตอัพ ผู้ประกอบการด้านการออกแบบและพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ จำนวน 35 ราย
นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมสู่ความเป็นโรงงานอัจฉริยะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้เกิดการยกระดับผลิตภาพการผลิตภายใต้แผนแม่บทและแผนปฏิบัติการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรม โดยจะดำเนินการยกระดับความสามารถของสถานประกอบการสู่ความเป็นโรงงานอัจฉริยะ จำนวน 20 กิจกรรม สร้างที่ปรึกษาให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมให้เป็นโรงงานอัจฉริยะ จำนวน 30 คน พร้อมทั้งคัดเลือกโรงงานอัจฉริยะตัวอย่างของกิจการที่พัฒนาขึ้นภายใต้โครงการอย่างน้อย 1 กิจการ เพื่อขยายผลของการพัฒนาสู่ภาคอุตสาหกรรมในวงกว้างต่อไป
ทั้งนี้ จากการดำเนินงานในมาตรการต่าง ๆ ที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรมาเป็นหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์ในการตั้งโรงงานผลิตฯ ในปี 2561 ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในส่วนนี้แล้ว 1.2 หมื่นล้านบาท และเกิดการลงทุนผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติราว 4 พันล้านบาท จำนวน 12 ราย รวมทั้งมีเอสเอ็มอีที่สนใจปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตโดยใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ คิดเป็นมูลค่า 182 ล้านบาท
นายชิต เหล่าวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมและบริการมีการตื่นตัวในการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาใช้ในการเพิ่มผลผลิตมากขึ้น เพราะมีความเข้าใจและมองถึงความจำเป็นที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น หากประเทศไทยสามารถมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาเพิ่มมากขึ้น จะเป็นการช่วยสร้างตลาด หรือ ความต้องการให้เกิดขึ้นได้ปีละ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยจูงใจให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในประเทศเพิ่มมากขึ้นได้
หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,432 วันที่ 3 - 5 มกราคม พ.ศ. 2562
นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในปี 2562 ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะใช้งบประมาณ 140 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ภายใต้แผนบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ โดยจะดำเนินงานใน 3 ส่วนงาน ได้แก่ การจัดทำระบบ IT รองรับการดำเนินงานตามภารกิจของศูนย์ความเป็นเลิศด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ หรือ Center of Robotics Excellence (CoRE) สำหรับพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์และการส่งเสริมการใช้งานด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนและเร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เช่น ระบบการขึ้นทะเบียนของผู้ออกแบบ ประกอบติดตั้ง พร้อมระบบซอฟต์แวร์ หรือ System Integrator (SI) ระบบการยื่นขอยกเว้นอากรขาเข้าชิ้นส่วนอุปกรณ์หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติที่เชื่อมโยงกับกรมศุลกากร และระบบการบริการจัดการ CoRE เป็นต้น
อีกทั้ง การดำเนินกิจกรรมพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยส่งเสริมผู้ประกอบการในการจัดทำต้นแบบเพื่ออุตสาหกรรม 85 ต้นแบบ พัฒนาบุคลากรในกลุ่มงาน SI Warrior และบุคลากรในสถานประกอบการ จำนวน 570 คน พัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติ จำนวน 165 คน รวมถึงบ่มเพาะสตาร์ตอัพ ผู้ประกอบการด้านการออกแบบและพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ จำนวน 35 ราย
นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมสู่ความเป็นโรงงานอัจฉริยะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้เกิดการยกระดับผลิตภาพการผลิตภายใต้แผนแม่บทและแผนปฏิบัติการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรม โดยจะดำเนินการยกระดับความสามารถของสถานประกอบการสู่ความเป็นโรงงานอัจฉริยะ จำนวน 20 กิจกรรม สร้างที่ปรึกษาให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมให้เป็นโรงงานอัจฉริยะ จำนวน 30 คน พร้อมทั้งคัดเลือกโรงงานอัจฉริยะตัวอย่างของกิจการที่พัฒนาขึ้นภายใต้โครงการอย่างน้อย 1 กิจการ เพื่อขยายผลของการพัฒนาสู่ภาคอุตสาหกรรมในวงกว้างต่อไป
ทั้งนี้ จากการดำเนินงานในมาตรการต่าง ๆ ที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรมาเป็นหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์ในการตั้งโรงงานผลิตฯ ในปี 2561 ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในส่วนนี้แล้ว 1.2 หมื่นล้านบาท และเกิดการลงทุนผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติราว 4 พันล้านบาท จำนวน 12 ราย รวมทั้งมีเอสเอ็มอีที่สนใจปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตโดยใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ คิดเป็นมูลค่า 182 ล้านบาท
นายชิต เหล่าวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมและบริการมีการตื่นตัวในการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาใช้ในการเพิ่มผลผลิตมากขึ้น เพราะมีความเข้าใจและมองถึงความจำเป็นที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น หากประเทศไทยสามารถมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาเพิ่มมากขึ้น จะเป็นการช่วยสร้างตลาด หรือ ความต้องการให้เกิดขึ้นได้ปีละ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยจูงใจให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในประเทศเพิ่มมากขึ้นได้
หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,432 วันที่ 3 - 5 มกราคม พ.ศ. 2562
