ราคาน้ำมันดิบพุ่ง หลังโอเปกและพันธมิตรส่งสัญญาณอาจเรียกประชุมนอกรอบหากอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 27 ธันวาคม 2561
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่(โอเปก) และประเทศพันธมิตรเตรียมพร้อมที่จะจัดการประชุมนอกรอบหากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ยังไม่สามารถสร้างสมดุลในตลาดได้
+ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอิรัก คาดการณ์ว่าการตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบอาจจะมีการทบทวนอีกครั้ง และอิรักเตรียมที่จะให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตในเดือน เม.ย. 2562
+ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเพื่อเก็งกำไร เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลงอย่างหนักรวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบที่ล้นตลาด
- ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทน้ำมันในประเทศรัสเซียระบุสาเหตุหลักของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้ เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ประกอบกับประเทศสหรัฐฯซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิต
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ในประเทศเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากภาษีน้ำมันและราคาขายปลีกที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกโรงกลั่นน้ำมันในประเทศจีน
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียที่ยังคงอ่อนตัว ประกอบกับปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลจากประเทศเกาหลีปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 44-48 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 52-56 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลดลง จากแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง หลังเศรษฐกิจจีนและยุโรปค่อนข้างซบเซา ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังธนาคารกลาง (เฟด) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
อุปทานน้ำมันดิบโลกคาดปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจาก คาดว่าแหล่งผลิตน้ำมันดิบ El Sharara ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดของลิเบียจะกลับมาดำเนินการอีกครั้ง เนื่องจาก นายกรัฐมนตรีลิเบียสามารถตกลงกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธได้สำเร็จ หลังกองกำลังติดอาวุธเข้าบุกยึดแหล่งผลิตน้ำมันดิบ ส่งผลให้บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (NOC) ต้องประกาศเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ยกเลิกการส่งน้ำมันดิบจากแหล่งผลิต
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังโรงกลั่นดำเนินการด้วยอัตราการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับอุปทานน้ำมันดีเซลและอากาศยานมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
[caption id="attachment_366651" align="aligncenter" width="335"]
[/caption]