แผนพัฒนา เศรษฐกิจจีนเจอโจทย์หิน ชูสร้างงานแต่ลอยแพระนาว

09 มี.ค. 2559 | 23:00 น.
ผู้นำจีนยอมรับแผนเศรษฐกิจ 5 ปี (ค.ศ. 2016-2020) ที่ตั้งเป้าขยายการเติบโตของจีดีพีอย่างน้อย 6.5 % เป็นเรื่องท้าทายและแผนการสร้างงานควบคู่ไปกับการปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมที่ไม่ก่อกำไรก็เป็นเรื่องยากที่คาดว่าจะเผชิญอุปสรรคอีกมาก นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในปาฐกถาเปิดการประชุมรัฐสภาประจำปีเมื่อสุดสัปดาห์

อัตราการขยายตัว 6.5 % สำหรับหลายประเทศนั้นถือว่าเป็นตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สวยงาม แต่สำหรับจีน การขยายตัวในอัตราดังกล่าวถือเป็นสถิติต่ำสุดในรอบ 25 ปี ปัจจัยซ้ำเติมยังประกอบด้วยภาวะตลาดหุ้นที่ปั่นป่วน ดัชนีตกต่ำ เศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว และปัญหาสิ่งแวดล้อมของจีนที่เกิดจากการขยายตัวอย่างไร้ความรับผิดชอบของภาคอุตสาหกรรม

สำหรับปีนี้ จีนตั้งเป้าการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไว้ที่ 6.5-7 % และตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ประมาณ 3% ส่วนการขยายตัวของปริมาณเงินสดตั้งไว้ที่ 13% นักลงทุนพากันคาดหวังว่าจีนจะตั้งเป้าเกี่ยวกับมาตรการการคลังที่รุกหนักยิ่งขึ้นเพื่อทุ่มงบในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งนั่นหมายถึงการตั้งเป้าขาดดุลการคลังคิดเป็นสัดส่วน 3% ของจีดีพี เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ตั้งไว้ในระดับ 2.3% แต่แม้กระนั้น หลายฝ่ายก็ยังมองว่าจีนน่าจะขยับเป้าการขาดดุลการคลังไว้ที่ 4% นายหยู่ หยงติง นักเศรษฐศาสตร์ อดีตที่ปรึกษาธนาคารกลางจีน ให้ความเห็นว่า เป้า 3% ไม่เพียงพอและควรจะปรับเพิ่มขึ้น แต่นักเศรษฐศาสตร์ในอีกฝากหนึ่ง ก็เห็นว่าหากตั้งเป้าขาดดุลการคลังมากเกินไป อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนกำลังถอยกลับเข้าสู่วงจรปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในปี 2009 นั่นคือการก่อหนี้จำนวนมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ด้านมูดี้ส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เมื่อเร็วๆนี้ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลจีน ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีน นักวิเคราะห์กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า รัฐบาลจีนจะต้องคำนึงถึงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และเพิ่มความระมัดระวังในการทุ่มงบในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีขนาดใหญ่เพราะมันจะส่งผลก่อภาระหนี้ระยะยาวให้กับประเทศ

ผู้นำจีนยอมรับว่า จำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจและอุตสาหกรรมที่ไม่ทำกำไร หรือที่เรียกว่า "วิสาหกิจซอมบี้" ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวก่อปัญหาหนี้มาจนถึงทุกวันนี้ แหล่งข่าวระบุว่า นอกจากการปลดคนงานในอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็กกล้าดังที่เคยเป็นข่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ ในภาพรวมรัฐบาลจีนได้มีเป้าหมายลดจำนวนพนักงานของภาครัฐลงประมาณ 5-6 ล้านคนในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการปลดเจ้าหน้าที่ภาครัฐครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ

อย่างไรก็ตาม นายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนย้ำว่า จะส่งเสริมการสร้างงานใหม่ 10 ล้านตำแหน่งในระยะแผน 5 ปี และในส่วนของปีนี้จะพยายามรักษาอัตราการว่างงานในเขตเมืองใหญ่ไว้ที่ระดับต่ำกว่า 4.5% ขณะเดียวกันจะเพิ่มงบด้านกลาโหมในอัตราเพียง 7.6 % ซึ่งต่ำสุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากจะมีการลดจำนวนเจ้าหน้าที่ทหารและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาทดแทน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,138 วันที่ 10 - 12 มีนาคม พ.ศ. 2559