กสอ. ผนึก 50 หน่วยงาน เพิ่มศักยภาพบริการศูนย์ไทยไอดีซี

25 ธ.ค. 2561 | 10:43 น.
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเล็งเปิดให้บริการเต็มรูปแบบปี 62 เตรียมผนึกความร่วมมือกับ 50 หน่วยงานจากภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนศูนย์ดังกล่าว ให้มีบทบาทสำคัญในด้านการออกแบบเพื่อนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ แย้มปัจจัย 4 ด้านที่ผู้ประกอบการและนักออกแบบต้องคำนึงถึงในปีถัดไป

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการดำเนินการของศูนย์ออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือ Thailand-Industrial Design Center : Thai-IDC ในปี 2562 ว่า ศูนย์ดังกล่าวมีแนวทางการดำเนินงานภายใต้กระบวนการสำคัญที่กำลังเร่งผลักดันอย่างจริงจัง 4 ขั้นตอน คือ 1.การสร้างบุคลากรด้านการออกแบบ เพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้มากกว่าเดิม, 2.การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในหลากหลายสาขา พร้อมสร้างมูลค่าในเชิงพาณิชย์, 3.การสร้างแบรนด์และถ่ายทอดองค์ความรู้


thumbnail_นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

และ 4.การให้บริการพื้นที่ในการจัดกิจกรรม Co-Working Space เช่น การจัดนิทรรศการ การสรรหาความร่วมมือ การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ ฯลฯ รวมถึงการพัฒนาบริการและเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น เครื่องพิมพ์สามมิติสำหรับขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ต้นแบบ เครื่องตัดกล่องกระดาษความเร็วสูงสำหรับขึ้นต้นแบบบรรจุภัณฑ์ ฐานข้อมูลเพื่อการสืบค้นด้านการออกแบบ ตลอดจนแอพพลิเคชันเพื่อเผยแพร่ข่าวสารและการเข้าถึงงานบริการที่มีความรวดเร็ว


thumbnail_เครื่องผลิตต้นแบบผลิตภัณฑ์ด้วยเครื่องปริ้น 3D

นอกจากนี้ ยังจะผลักดันให้ศูนย์ดังกล่าวให้มีบทบาทในด้านการออกแบบแห่งย่านพระราม 4 พร้อมเชื่อมโยงไปยังศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 (ITC) ที่ทำงานสอดคล้องกันเป็นระบบอย่างครบวงจร รวมถึงยังมีความร่วมมือขององค์กรภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และหน่วยงานเฉพาะทางต่าง ๆ มากกว่า 50 หน่วยงานที่อยู่โดยรอบ เช่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่จะทำงานสอดคล้องกัน เป็นต้น เพื่อยกระดับการออกแบบให้มีศักยภาพและนำไปใช้เพิ่มมูลค่าได้จริงในเชิงพาณิชย์

อย่างไรก็ดี ยังจะผลิตหลักสูตรเพื่อการพัฒนาบุคลากรด้านการดีไซน์อย่างเข้มเข้น อาทิ หลักสูตร 3D printing กับการออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์, หลักสูตรกลยุทธ์การสร้างแบรนด์แฟชั่นสู่สากล, หลักสูตร Design Thinking : พัฒนาธุรกิจด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบให้แข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งแนวทางทั้งหมดนี้เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์รวมด้านการออกแบบทางอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพ พร้อมนำมาซึ่งการลงทุนและการจ้างงานต่อไปในอนาคต


thumbnail_ห้องรับบริการที่ปรึกษาแนะนำด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์

นายกอบชัย กล่าวต่อไปอีกว่า ในปี 2562 คาดว่า การออกแบบจะทวีความสำคัญในหลาย ๆ กลุ่มอุตสาหกรรม ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงแนวโน้มและกระแสการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในปัจจัยดังต่อไปนี้ วัยของผู้บริโภค ซึ่งแต่ละช่วงอายุ เพศ สถานะ จะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป เช่น กลุ่มมิลเลเนียล ที่มักอาศัยอยู่ในเขตเมืองและมีพฤติกรรมที่ยึดติดกับโซเชียลมีเดีย, กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) ที่นิยมความหลากหลายและเน้นการแสดงออกถึงตัวตน, กลุ่มเจเนอเรชั่นซี ที่ชอบค้นหาและชอบเป็นจุดศูนย์กลาง หรือ ดึงดูดความสนใจ, กลุ่มมุสลิม ที่ชื่นชอบความเรียบง่ายและเชื่อมโยงกับหลักศาสนา เป็นต้น

การออกแบบที่ยึดโยงความสวยงามและการใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีบทบาทกับผู้บริโภคในแง่ความรู้สึกและความคุ้มค่า เมื่อได้เลือกซื้อสินค้าและบริการนั้นไป เช่น บรรจุภัณฑ์ อายุสินค้าและการจัดเก็บ การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หรือระบบดิจิทัล, ให้ความสำคัญกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยที่หลาย ๆ ภาคส่วนกำลังให้ความสำคัญ และกระตุ้นให้ผู้บริโภคดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน เช่น บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ สีหรือวัสดุที่ผลิตจากวัตถุดิบทางธรรมชาติ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ประหยัดพลังงาน การรีไซเคิลเป็นสิ่งใหม่ ฯลฯ


thumbnail_เครื่องปริ่นสติ๊กเกอร์ขนาดใหญ่

และความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับบริบทต่าง ๆ ของผู้ใช้ ซึ่งนักออกแบบหรือผู้ประกอบการจะต้องผลิตสินค้าและการบริการที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวพันกับชีวิต หรือ กระแสนิยมของสังคม เช่น สินค้าที่ให้ความรู้สึกเสมือนได้ไปเยี่ยมเยือนชุมชนหรือท้องถิ่น สินค้าที่เชื่อมโยงกับงานศิลปะและวัฒนธรรม สินค้าและบริการที่สื่อถึงความล้ำสมัย หรือ มาจากโลกแห่งอนาคต เป็นต้น

"ศูนย์ดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่มีความสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม ได้มีโอกาสในการค้นหาและต่อยอดไอเดียไปสู่ผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาแบรนด์ไปสู่การค้ายุคดิจิทัล ที่จะต้องมีทั้งความแปลกใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ และการกำหนดเทรนด์แห่งอนาคต เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีพฤติกรรมการเลือกซื้ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด"

สำหรับการดำเนินงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ศูนย์ดังกล่าวได้พัฒนาทั้งสินค้าและบริการทางอุตสาหกรรมในหลากหลายสาขา รวมทั้งสิ้น 1,875 ผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมแฟชั่น อุตสาหกรรมสร้างสรรค์และอะนิเมชั่น อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมไปถึงการผลิตนักออกแบบที่ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้มากกว่า 2,500 คน แบ่งเป็น กลุ่มนักศึกษา (Young Designer) 1,600 คน นักออกแบบอิสระ 260 คน และนักออกแบบที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs 675 คน นอกจากนี้ ยังช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยได้ก้าวสู่การค้าระดับต่างประเทศผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ทำให้สินค้าและบริการของไทยได้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างต่อเนื่อง

บาร์ไลน์ฐาน