'โรจนะ' จ่อรับลงทุน 5.5 หมื่นล้าน! ชง 'อีอีซี' ตั้งเป็นเขตส่งเสริมพิเศษ 843 ไร่ รองรับ 5 กลุ่มอุตฯ
สวนอุตสาหกรรมโรจนะชง 'อีอีซี' ขอยกระดับนิคมฯโรจนะ 843 ไร่ จ.ชลบุรี เป็นเขตส่งเสริมพิเศษ รองรับ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งการเกษตร อุตสาหกรรมเบา ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ หวังดึงนักลงทุนต่างประเทศลงทุนราว 5.5 หมื่นล้านบาท
ภายใต้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ พ.ร.บ.อีอีซี กำหนดให้ผู้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนตาม พ.ร.บ. เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% กำหนดอัตราภาษีเงินได้ตํ่ากว่าในบริหารการค้าระหว่างประเทศ มีศูนย์บริการทางการเงินและศูนย์วิจัยระดับภูมิภาคไว้ให้บริการ มีวีซ่า 5 ปี เป็นต้น เพื่อจะดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน แต่การจะได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะต้องลงทุนภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
ส่งผลให้บรรดาผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ พยายามที่จะขอจัดตั้ง หรือ ยกระดับนิคมที่มีอยู่ ขึ้นเป็นเขต
ส่งเสริมพิเศษ เพื่อกิจการอุตสาหกรรมที่จะรองรับการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย จากที่ผ่านมาได้มีการอนุมัติจัดตั้งนิคมเป็นเขตส่งเสริมพิเศษไปแล้ว 25 เขตส่งเสริม รวมพื้นที่ราว 8.98 หมื่นไร่
โดยล่าสุด ทางบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นเรื่องขอจัดตั้งนิคมฯโรจนะ แหลมฉบัง พื้นที่ราว 843 ไร่ ใน ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษแล้ว ซึ่งคาดว่าทางคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะอนุมัติการจัดตั้งได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ทาง สกพอ. อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียดการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ แหลมฉบัง ว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.อีอีซี หรือไม่ หลังจากที่ได้ยื่นรายละเอียดเบื้องต้นมาให้พิจารณาแล้ว ซึ่งคาดว่า ในช่วงต้นปีหน้าน่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ กพอ. ได้
สำหรับการจัดตั้งเขตส่งเสริมพิเศษนี้จะรองรับการลงทุนใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยจะแบ่งพื้นที่สำหรับการลงทุนไว้ 615.5 ไร่ และ 228 ไร่ เป็นพื้นที่ระบบสาธารณูปโภค อาคารสำนักงาน พื้นที่สีเขียว เป็นต้น ซึ่งจะรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร 123.6 ไร่ คิดเป็นประมาณการลงทุนไว้ราว 9,900 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมเบา พื้นที่ 75 ไร่ ประมาณการลงทุน 4,675 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร อุปกรณ์ขนส่ง และอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ พื้นที่ 163 ไร่ คิดเป็นการลงทุน 15,400 ล้านบาท
กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ พื้นที่ 220 ไร่ คิดเป็นประมาณการลงทุน 23,650 ล้านบาท และกลุ่มบริการสาธารณูปโภค พื้นที่ 30 ไร่ ประมาณการลงทุน 1,375 ล้านบาท รวมประมาณการลงทุนทั้งโครงการราว 5.5 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับการขอจัดตั้งเขตส่งเสริมพิเศษนี้ทางบริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะฯ จะใช้เงินลงทุนสำหรับการพัฒนาที่ดินในช่วงปี 2562-2565 ประมาณ 2,619 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 654.9 ล้านบาทต่อปี โดยจะมีแหล่งเงินทุนที่จะมาจาก 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนของเงินกู้จากสถาบันการเงินในสัดส่วน 60% และส่วนของผู้ถือหุ้นจากกระแสเงินสดภายใน 40% โดยได้ประมาณการว่าจะมีรายได้เข้ามาในช่วงปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 3,250 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างหรือพัฒนาพื้นที่เป็นเวลา 2 ปี
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,430 วันที่ 27 - 29 ธันวาคม พ.ศ.2561
ภายใต้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ พ.ร.บ.อีอีซี กำหนดให้ผู้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนตาม พ.ร.บ. เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% กำหนดอัตราภาษีเงินได้ตํ่ากว่าในบริหารการค้าระหว่างประเทศ มีศูนย์บริการทางการเงินและศูนย์วิจัยระดับภูมิภาคไว้ให้บริการ มีวีซ่า 5 ปี เป็นต้น เพื่อจะดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน แต่การจะได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะต้องลงทุนภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
ส่งผลให้บรรดาผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ พยายามที่จะขอจัดตั้ง หรือ ยกระดับนิคมที่มีอยู่ ขึ้นเป็นเขต
ส่งเสริมพิเศษ เพื่อกิจการอุตสาหกรรมที่จะรองรับการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย จากที่ผ่านมาได้มีการอนุมัติจัดตั้งนิคมเป็นเขตส่งเสริมพิเศษไปแล้ว 25 เขตส่งเสริม รวมพื้นที่ราว 8.98 หมื่นไร่
โดยล่าสุด ทางบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นเรื่องขอจัดตั้งนิคมฯโรจนะ แหลมฉบัง พื้นที่ราว 843 ไร่ ใน ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษแล้ว ซึ่งคาดว่าทางคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะอนุมัติการจัดตั้งได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ทาง สกพอ. อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียดการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ แหลมฉบัง ว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.อีอีซี หรือไม่ หลังจากที่ได้ยื่นรายละเอียดเบื้องต้นมาให้พิจารณาแล้ว ซึ่งคาดว่า ในช่วงต้นปีหน้าน่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ กพอ. ได้
สำหรับการจัดตั้งเขตส่งเสริมพิเศษนี้จะรองรับการลงทุนใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยจะแบ่งพื้นที่สำหรับการลงทุนไว้ 615.5 ไร่ และ 228 ไร่ เป็นพื้นที่ระบบสาธารณูปโภค อาคารสำนักงาน พื้นที่สีเขียว เป็นต้น ซึ่งจะรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร 123.6 ไร่ คิดเป็นประมาณการลงทุนไว้ราว 9,900 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมเบา พื้นที่ 75 ไร่ ประมาณการลงทุน 4,675 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร อุปกรณ์ขนส่ง และอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ พื้นที่ 163 ไร่ คิดเป็นการลงทุน 15,400 ล้านบาท
กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ พื้นที่ 220 ไร่ คิดเป็นประมาณการลงทุน 23,650 ล้านบาท และกลุ่มบริการสาธารณูปโภค พื้นที่ 30 ไร่ ประมาณการลงทุน 1,375 ล้านบาท รวมประมาณการลงทุนทั้งโครงการราว 5.5 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับการขอจัดตั้งเขตส่งเสริมพิเศษนี้ทางบริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะฯ จะใช้เงินลงทุนสำหรับการพัฒนาที่ดินในช่วงปี 2562-2565 ประมาณ 2,619 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 654.9 ล้านบาทต่อปี โดยจะมีแหล่งเงินทุนที่จะมาจาก 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนของเงินกู้จากสถาบันการเงินในสัดส่วน 60% และส่วนของผู้ถือหุ้นจากกระแสเงินสดภายใน 40% โดยได้ประมาณการว่าจะมีรายได้เข้ามาในช่วงปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 3,250 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างหรือพัฒนาพื้นที่เป็นเวลา 2 ปี
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,430 วันที่ 27 - 29 ธันวาคม พ.ศ.2561
