เกทับ ‘บัตรคนจน800’ ปชป.ชูประกันข้าวขั้นตํ่าเกวียนละหมื่น-ยาง 60 บาท

24 ธ.ค. 2561 | 05:21 น.
48384504_10156453324946144_2301625359918956544_n “ประชาธิปัตย์” เปิดนโยบาย ศก. ประกันราคาข้าวขั้นตํ่าเกวียนละหมื่นบาท ยางกิโลละ 60 บาท คงบัตรคนจน เกทับเพิ่มเป็นเดือนละ 800 พร้อมสางปัญหาค่าแรง ด้านพท.ดัน “ชัชชาติ” คีย์แมนแก้เศรษฐกิจ

พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เลือกเปิดนโยบายด้านเศรษฐกิจที่บริษัท เจซิม ออร์คิด (ไทยแลนด์) จำกัด เขตทวีวัฒนา โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และ นายกรณ์ จาติกวณิช ร่วมกันแถลงเรื่องดังกล่าว

นายอภิสิทธิ์ แถลงเปิดนโยบายเศรษฐกิจ 6 ข้อ โดยเป็น การต่อยอดจาก 10 นโยบายการศึกษา ซึ่งจะเน้นการยกระดับชีวิตคนไทยและเน้นตอบโจทย์ประชาชน ทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจช่วยลดความเหลื่อมลํ้าในสังคม คือ

1. โครงการโฉนดสีฟ้า ที่ผู้ถือครองจะต้องมีความมั่นคงมั่นใจในการสร้างโอกาสให้กับตนเอง โดยการจัดทำโฉนดชุมชนจัดการตนเอง และการออก พ.ร.บ.โฉนดชุมชน เพื่อให้สิทธิชุมชนในการจัดการตนเองและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง และยกระดับ ส.ป.ก.ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนของรัฐ โดยสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์กู้ผ่านธนาคารและตกทอดถึงลูกหลานได้ รวมถึงการเดินหน้าธนาคารที่ดิน เพิ่มที่ดินทำกินให้คนไทย เร่งออกโฉนดทันใจ สะสางโฉนดที่ดินที่ค้างท่อมานาน ที่มีเอกสิทธิ์ ส.ค.1 และ น.ส.3 เพื่อออกสิทธิตามกฎหมายให้แล้วเสร็จ

2. จัดตั้งกองทุนนํ้าชุมชนให้เกษตรกรมีนํ้าใช้ตลอดปี มีเงินทำแหล่งนํ้าทุกหมู่บ้าน โดยรับการจัดสรรงบจากผู้เชี่ยวชาญแนะนำชาวบ้านจัดการแหล่งนํ้าด้วยตนเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นที่ของรัฐ หากเป็นที่ของประชาชนแต่เหมาะสมที่จะทำสระนํ้า ก็สามารถเข้ามาร่วมโครงการ ซึ่งจะต้องปลดล็อกกฎระเบียบของราชการ และใช้ยางพาราในการทำสระนํ้า

[caption id="attachment_365443" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]

3. ประกันรายได้เกษตรกร ให้ครอบคลุมพืชทุกชนิด สร้างความมั่นคงรายได้ให้เกษตรกรไทยทุกคน ได้มีหลักประกันรายได้ขั้นตํ่าการทำอาชีพเกษตรกรรม ข้าวไม่ตํ่ากว่าเกวียนละ 10,000 บาท ยางพาราไม่ตํ่ากว่า 60 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ปาล์ม 10 บาทต่อกิโลกรัม รวมถึงทำประกันภัยพืชผลคุ้มครองต้นทุนการผลิต

4. ประกันรายได้แรงงานไม่ตํ่ากว่า 120,000 บาทต่อปี แต่ถ้ามีรายได้ต่อเดือนเมื่อคำนวณแล้วไม่ถึงที่กำหนด รัฐบาลก็จะจ่ายเงินส่วนต่างให้ 5. เบี้ยให้ผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อเดือน และจะไปปรับโครงการเกี่ยวกับการออมเพื่อการชราภาพ

6. เบี้ยสวัสดิการผู้ยากไร้ 800 บาทต่อเดือน ซึ่งโอนตรงสมุดบัญชีผู้มีรายได้ตํ่ากว่า  100,000 บาทต่อปี ทุกคนจะต้องเข้าระบบรายงานสถานะทางการเงินของตนเองทุกปี

“นโยบายทั้ง 6 ข้อนี้ จะทำได้ทันทีเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล และหลังจากนั้นจะเปิดเผยที่มาของงบประมาณที่จะใช้ทำโครงการเหล่านี้อีกครั้ง ซึ่งยืนยันว่าพรรคไม่เคยสร้างภาระให้ประเทศ และไม่เคยทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย การระดมเงินเข้ามาทำนโยบายนี้จะใช้เป็นเครื่องมือในการลดความเหลื่อมลํ้าได้ด้วย”
ปชป. หลังจากนี้พรรคฯ จะใช้นโยบายเศรษฐกิจยุคใหม่ ยกระดับประเทศไทย ก้าวไกลทันโลก เพื่อรับมือกับความท้าทายการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งภาคการผลิตและการบริการและรอง รับการเปลี่ยนแปลงสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงลดความเหลื่อมลํ้า เน้น การพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างความ เข้มแข็งให้ประเทศไทย

นายอภิสิทธิ์ ยังชี้ให้เห็นภาพเศรษฐกิจไทยว่า มี 3 ปัญหาใหญ่ด้วยกัน ได้แก่ 1. ปัญหาเฉพาะหน้า คือ เศรษฐกิจไม่ดี 2. ปัญหาขีดความสามารถทาง การแข่งขันของประเทศท่ามกลางปัจจัยต่างๆ ที่เปลี่ยนไป และ 3. ปัญหาความเหลื่อมลํ้า ซึ่งปัจจุบันการกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกระจุกตัวอยู่แค่คนกลุ่มเล็ก สร้างความไม่เป็นธรรมให้กับสังคม

ก่อนหน้านี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดตัวนโยบายด้านการศึกษา อาทิ สนับสนุนเบี้ยสำหรับเด็กแรกเกิดตั้งแต่อายุ 0-8 ปีเดือนละ 1,000 บาท เพื่อดูแลด้านโภชนาการ พร้อมสนับ สนุนค่าอาหารเช้า-กลางวันฟรี ตั้งแต่อนุบาล ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผ่านสถานศึกษา สำหรับผู้ใหญ่มุ่งให้เกิดการพัฒนาการศึกษาตลอดชีวิต โดยจัดให้มีคูปองเพิ่มทักษะสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อสนับสนุนค่าฝึกอบรม และการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน รวมถึงการลดภาระครูเพื่อให้มีเวลามากขึ้น ปรับวิธีการประเมินครูไปที่ตัวนักเรียน มีกองทุนสมาร์ทเอ็ดดูเคชั่น เปิดการศึกษายุคใหม่ รวมถึงกระจายอำนาจให้โรงเรียน
2243 ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดประชุมใหญ่เตรียมความพร้อมเลือกตั้ง โดยมีแกนนำพรรค อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งเป็นคีย์แมนขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจเข้าร่วม

นายชัชชาติ ระบุว่า ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันเลือกตั้งพรรคจะต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อให้คนไทยมีตัวแทนที่แท้จริงเข้าไปเป็นรัฐบาล แก้ปัญหาของประชาชน ด้วยความเข้าใจและพัฒนา โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ปัจจุบันเป็นแบบแข็งบน อ่อนล่าง คือมีการขยายตัวเฉพาะกลุ่มบน แต่คนกลุ่มล่างขาดกำลังซื้อ รายได้กระจุกอยู่เฉพาะในเมือง จึงส่งผลให้คนต่างจังหวัดรายได้น้อยกว่าคนในเมือง ดังนั้น จึงต้องสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร ภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สร้างโอกาสให้เกิดความเท่าเทียมกัน

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า วิกฤติของประเทศขณะนี้ เป็นสิ่งท้าทายมาก แต่มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้สำเร็จได้ โดยจะใช้เวลาไม่นาน เพราะพรรคมีความเข้าใจปัญหา มีหลักการทำงานที่ คิดเป็น ทำเป็น และทำสำเร็จ จึงจะนำประสบการณ์ แนวคิดที่มีอยู่ มาทำงานและแก้ปัญหา พรรคเพื่อไทยพร้อมจะทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ทุกคนหายจน และจะเร่งกู้วิกฤติเศรษฐกิจทุกระดับชั้น เร่งสร้างรายได้ให้กับประเทศให้ได้

พรรคเพื่อไทยได้ประกาศ 4 สโลแกนหลักการหาเสียงคือ “จะอยู่กับความสิ้นหวังหรือโอกาส จะเลือกคนทำงานไม่เป็น หรือคน ทำงานเป็น จะเลือกหนี้สินหรือ รายได้ และจะเลือกอยู่ กับความล้มเหลว หรือความสำเร็จ”


| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3429 หน้า 16 ระหว่างวันที่ 23-26 ธ.ค.2561

595959859