ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) จี้! "ธุรกิจน้ำเมา-ร้านค้า" ร่วมรับผิดชอบผลกระทบเจ็บตายจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 7 วันอันตรายปีใหม่
อีกไม่กี่วันจะเริ่มนับถอยหลังสู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นอกจากเป็นช่วงที่คนไทยใช้วันหยุดร่วมกันในครอบครัวแล้ว ยังเป็นเทศกาลที่คร่าชีวิตหลายร้อยคน เกิดความสูญเสีย-พิการอีกหลายพันคน ในรอบแค่เพียง 7 วัน และเกือบทั้งหมดของความเสียหาย มีสาเหตุจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งมีแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขความรุนแรง
นพ.ดร.มูฮัมมัดฟาห์มี ตาเละ นักวิชาการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) เปิดเผยว่า ในแคมเปญโฆษณาของผู้ผลิตแอลกอฮอล์ มักใช้คำว่า
"ดื่มอย่างรับผิดชอบ" ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายตรงตัว คือ
"ผู้ดื่ม" เท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบ ในขณะที่
ผู้ขาย ผู้ผลิต หรือ เจ้าภาพ จะอยู่นอกเหนือจาก "ความรับผิดชอบ" ถือเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวของผู้ผลิตและผู้ขายที่กอบโกยกำไรจากการขายสินค้า แม้จะจ่ายภาษีให้รัฐบาล แต่ก็ปล่อยให้ผู้ดื่มและรัฐบาลต้องมารับผิดชอบผลกระทบจากการดื่มแอลกอฮอล์
"หากมีอุบัติเหตุเมาแล้วขับ ผู้ที่รับผิดชอบ คือ ผู้ดื่ม ต้องจ่ายชดเชยความเสียหาย ทั้งทางร่างกายและทรัพย์สินของคู่กรณี หรือ รัฐบาลกลายเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ ผ่านการใช้บริการสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า ส่วนคนผลิต คนขาย ร่ำรวยมหาศาลจากสินค้าอันตราย แต่ไม่เคยต้องมารับผิดชอบใด ๆ เลย"
เมื่อเทียบกับต่างประเทศของทวีปยุโรป หรือ อเมริกา 38 รัฐ จัดทำกฎหมายที่เรียกว่า
Dram Shop Liability หรือ
Social Liability ขึ้นมา เพื่อให้มีคนรับผิดชอบความเสียหายจากแอลกอฮอล์มากกว่าผู้ดื่มเพียงคนเดียว กฎหมายที่กำหนดว่า หากผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ได้สร้างความเสียหาย หรือ มีแนวโน้มจะสร้างความเสียหาย หรือ มีอาการเมาขาดสติ ผู้บังคับใช้กฎหมายจะดำเนินการตามหาร้านค้าที่ขายแอลกอฮอล์ให้กับผู้ดื่มรายนั้นทันที เพื่อให้มาร่วมรับผิดชอบความเสียหาย หรือ เรียกมาปรับ กรณีเมาขาดสติแล้วยังขายแอลกอฮอล์ให้ลูกค้าอยู่
นอกจากนี้ ยังครอบคลุมไปถึงการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ งานสังคม ที่เลี้ยงแอลกอฮอล์ หากงานไหนมีคนเมาขาดสติทำให้เกิดความเสียหาย เจ้าภาพต้องร่วมรับผิดชอบ
"ไทยมี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 40 ห้ามขายให้คนเมาที่ครองสติไม่ได้ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ แต่ตลอด 10 ปีที่ประกาศใช้ กลับไม่เคยลงโทษ หรือ แจ้งโทษ ในมาตรานี้เลย"
ดังนั้น การรณรงค์ต้องเน้นย้ำให้ผู้บังคับใช้กฎหมายทั้งหลายเริ่มเอาจริงเอาจัง ทั้งคนดื่ม คนไม่ดื่ม คนผลิต คนขาย ผู้บังคับใช้กฎหมาย