"ทาทา สตีล" แนะ 3 วิธีจับสัญญาณเตือน "มลพิษทางอากาศ" ที่มากับฤดูหนาว พร้อมชูความพร้อมมาตรการจัดการ
นายวันเลิศ การวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่–การผลิต บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อากาศเย็น ๆ ในช่วงฤดูหนาว มีภัยร้ายแอบแฝงมาในรูปแบบของฝุ่นละออง หรือ
"ฝุ่นพิษ" เพราะอากาศที่เย็นจากด้านล่างจะลอยตัวขึ้นไปถึงระดับหนึ่งแล้วไปต่อไม่ได้ เมื่อเจอกับอากาศข้างบนที่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าจึงร้อนกว่า เสมือนฝาชีที่ครอบมลภาวะเอาไว้ ซึ่งมลภาวะที่เกิดขึ้นก็มีที่มาจากหลายกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็น การเผาในที่โล่ง การคมนาคมขนส่ง การผลิตไฟฟ้า รวมทั้งการผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม ยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในสถานที่ที่ได้รับมลพิษจากกิจกรรมเหล่านี้มากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบมากขึ้นในฤดูหนาว โดยเฉพาะผลกระทบทางสุขภาพ เช่น โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ เป็นต้น
ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตเหล็กทรงยาวรายใหญ่ในประเทศไทย มีโรงงานผลิตเหล็ก 3 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท เอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ("NTS") จ.ชลบุรี, บริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด ("SCSC") จ.ระยอง และบริษัท เหล็กสยาม (2001) จำกัด ("SISCO") จ.สระบุรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการบำบัดมลพิษทั้งทางน้ำและอากาศก่อนปล่อยออกสู่ธรรมชาติ ด้วย
"ทาทา สตีล" คำนึงถึงจุดยืนความเป็นโรงงานที่เคียงคู่ชุมชนเสมอมา อีกทั้งมีมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ ด้วยมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมในการจัดการมลพิษทางอากาศ 5 ข้อ ได้แก่
1.กระบวนการผลิตด้วยกรรมวิธี EAF (Electric Arc Furnace) กระบวนการผลิตเหล็กที่ใช้กรรมวิธีการหลอมด้วยเตาหลอมไฟฟ้า EAF ที่ให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์เหล็กที่ดีและมีเสถียรภาพ และยังเป็นเทคโนโลยีที่รักษาสิ่งแวดล้อม โดยสามารถควบคุมสารมลทิน อาทิ ฟอสฟอรัส กำมะถัน โบรอน ฯลฯ ทำให้เหล็กที่ได้จากกระบวนการหลอมด้วยเตาไฟฟ้า EAF มีความบริสุทธิ์และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
2.การบำบัดก่อนปล่อยสู่ธรรมชาติด้วยระบบดักจับและกรองฝุ่น (Fume Plant), 3.การป้องกันด้วยรั้วต้นไม้รอบโรงงานและติดตั้งแนวสแกนฝุ่น, 4.การตรวจสอบและรายงานผลอย่างสม่ำเสมอ และ 5.การให้ความรู้และประสานงานความร่วมมือกับชุมชนโดยรอบ
นอกจากนี้ ยังมีความรับผิดชอบต่อชุมชนโดยรอบ ด้วยการให้ความรู้ถึงวิธีการตรวจสอบและรับมือกับความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นจากโรงงาน เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจ สำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้
"ทาทา สตีล" ได้แนะนำถึง 3 สัญญาณเตือนเมื่อเกิดมลพิษทางอากาศ เพื่อการรู้เท่าทันและสามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง โดยสัญญาณที่สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง ดังต่อไปนี้
1.ทัศนวิสัยในการมองเห็นเปลี่ยนไป ในช่วงที่มีฝุ่นละอองหนาแน่นกว่าปกติ หรือ ในภาวะที่เริ่มเกิดมลพิษทางอากาศขื้น วิธีการสังเกตเบื้องต้น ดูได้จากทัศนวิสัยในการมองเห็นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น กลุ่มก้อนอากาศที่ลอยตัวต่ำมีสีออกน้ำตาล หรือ ทัศวิสัยในการมองเห็นลดลง เนื่องจากมีหมอกควันปกคลุมมากขึ้น อาจสันนิษฐานได้ว่า จำนวนหมอกควันที่เกิดขึ้นและสีที่ผิดปกติเป็นหนึ่งในสัญญาณของสภาวะที่อากาศเริ่มมีค่ามลพิษมากผิดปกติ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมถึงสภาวะของมลพิษทางอากาศในขณะนั้น เพื่อการรับมืออย่างเท่าทันสถานการณ์
2.ควันที่ปล่อยออกจากโรงงานมีปริมาณมากผิดปกติ สำหรับชุมชนที่ตั้งอยู่ในบริเวณโรงงานอุตสาหกรรมที่มีกระบวนการผลิตโดยการเผาไหม้ที่ปล่อยควันออกสู่ธรรมชาติ ซึ่งมักมีความคุ้นเคยกับปริมาณของการปล่อยควันของแต่ละโรงงานอยู่แล้ว หากชุมชนพบว่า มีปริมาณการปล่อยควันจากโรงงานที่มากผิดปกติ ก็เป็นสัญญาณที่ต้องจับตามองถึงความผิดปกติของมลพิษทางอากาศที่อาจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
3.ตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชันหรือเว็บไซต์ อีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสะดวกในการตรวจสอบความผิดปกติของอากาศที่ทุกคนสามารถทำได้ ก็คือ การตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชันที่มีฟังก์ชันตรวจวัดระดับปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ และแปรค่าออกมาในรูปแบบที่คนทั่วไปเข้าใจได้ เช่น กำหนดเกณฑ์สีต่าง ๆ เพื่อบ่งบอกระดับความรุนแรงของสถานการณ์มลพิษทางอากาศในแต่ละพื้นที่ ทำให้สามารถตรวจสอบสภาพมลพิษทางอากาศ เพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีค่ามลพิษทางอากาศในระดับอันตรายได้ ตัวอย่าง แอพพลิเคชันที่สามารถใช้ตรวจสอบมลพิษทางอากาศได้ เช่น ไทยแอร์ ควอลิตี้ (Thai Air Quality), แอร์ วิชวล (Air Visual) และพลูม แอร์ รีพอร์ต แอป (Plume Air Report App) เป็นต้น
การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันมลพิษทางอากาศของ
"ทาทา สตีล" ได้มาตรฐานการรับรองการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมมากมาย โดยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 (Green Industry 4.0) จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม รางวัล
"โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมเหมืองแร่ให้มีมาตรฐานสากลเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม ปี 2560 (CSR-DPIM)" เป็นต้น
ในปี 2562 "ทาทา สตีล" ยังมีการลงทุนติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ซึ่งเป็นนวัตกรรมเพื่อการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและเน้นการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ (Renewable Energy)