'กรีนเดย์' กางแผนธุรกิจปี 2562 แตกไลน์สินค้าสุขภาพ ดึงมืออาชีพบริหาร

24 ธ.ค. 2561 | 03:21 น.
| สัมภาษณ์พิเศษ : 'กรีนเดย์' กางแผนธุรกิจปี 2562 แตกไลน์สินค้าสุขภาพ ดึงมืออาชีพบริหาร

| โดย งามตา สืบเชื้อวงค์

……………….


บริษัท กรีนเดย์ โกลบอล จำกัด เจ้าของแบรนด์ 'กรีนเดย์' (Greenday) ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบผู้ผลิตผัก-ผลไม้อบกรอบ สินค้าที่คนรักสุขภาพพากันนิยมชมชอบทั้งในประเทศและตลาดส่งออก กลายเป็นสินค้ายอดฮิตมีออร์เดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนต้องขยายโรงงานแห่งใหม่รองรับ และพร้อมทยอยเดินเครื่องส่วนขยายใหม่ได้แล้ว ตั้งแต่ต้นปี 2561


กรีนเดย์9



ดันสินค้าใหม่บูมตลาด

ล่าสุด "สอง" ชัยรัตน์ คงศุภมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรีนเดย์ โกลบอล จำกัด ออกมาประกาศความพร้อมในการเดินหน้าธุรกิจปี 2562 ผ่าน "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จะเป็นการขยับตัวอีกก้าว ด้วยการแตกไลน์ผลิตสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด หลังจากที่โรงงานผลิตแห่งที่ 2 ที่ จ.สมุทรปราการ (ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู) เสร็จแล้ว พร้อมรองรับส่วนขยายและเดินหน้าปรับสัดส่วนการขายใหม่ให้สอดคล้องกับฐานลูกค้าที่เติบโต

"สอง" กล่าวว่า ปี 2562 จะเป็นอีกปีที่ท้าทายมากในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจรอบด้าน แต่ธุรกิจยังต้องเดินหน้าต่อด้วยการแตกไลน์สินค้าตัวใหม่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกวัย โดยเบื้องต้น จะเปิดตัวสินค้า 3 กลุ่ม คือ 1.Greenday Kids Range สำหรับแม่และเด็ก เป็นผักอบกรอบ ใน 1 ซอง จะมีผักอบกรอบ 5 ชนิดรวมอยู่ พร้อมปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ และถือฤกษ์เปิดตัวในช่วงวันเด็ก เดือน ม.ค. 2562

2.Greenday Veggie Crisps เป็นการบดรวมผักชนิดต่าง ๆ อัดเป็นแผ่นอบกรอบ ทาซอสรสกลมกล่อม เหมาะกับผู้บริโภคทุกวัย โดยจะเริ่มเปิดตัวในเดือน มี.ค. 2562 เป็นแคมเปญใหญ่ 3.Greenday Banana Warrior ที่นำกล้วยหลายชนิดมารวมเป็นชิ้น ๆ อบกรอบในซองเดียวกัน โดยมีส่วนผสมของข้าวไรซ์เบอร์รี่กรอบรวมอยู่ด้วยกัน 4-5 ชนิด เจาะกลุ่มคนออกกำลังกายที่ต้องการพลังงานมาก โดยจะเปิดตัวในเดือน เม.ย. 2562 สินค้าใหม่ทั้ง 3 ตัวจะผลิตออกมา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น


เพิ่มสัดส่วนขายในประเทศ

"สอง" กล่าวว่า ภายในปี 2562 นอกจากจะแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ให้หลากหลายชนิดแล้ว บริษัทยังปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ด้วยการปรับสัดส่วนการขาย จากที่ขายในประเทศสัดส่วนเพียง 30% และส่งออกสัดส่วน 70% มาปรับสัดส่วนการขาย 50 : 50 เนื่องจากสินค้าได้รับการขานรับจากตลาดภายในประเทศมากขึ้น หลังจากที่จัดกลุ่มผู้บริโภคได้ตรงเป้าหมาย ทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มคนออกกำลังกาย ส่วนตลาดส่งออกหลักยังคงเป็นอเมริกา ยุโรป ฮ่องกง และจีน ภายใต้แบรนด์ 'กรีนเดย์' มีทั้งในรูปของการรับจ้างผลิต หรือ โออีเอ็ม และผลิตป้อนลูกค้าที่ใช้แบรนด์ 'กรีนเดย์'


กรีนเดย์8

รวมถึงบริษัทมีแผนเปิดตลาดใหม่ที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีความนิยมในรสชาติที่คล้ายคนไทย อีกทั้งกรีนเดย์มีพาร์ตเนอร์ทางการค้ากับ 2 ประเทศดังกล่าว ที่รับเป็นตัวแทนขายสินค้าจำนวนหนึ่งก่อนในระยะเริ่มต้น

นอกจากนี้ กรีนเดย์ยังมีความประสงค์ที่จะทำโรงงานผลิตให้เป็น "แฟกตอรี ทัวร์" ด้วยการเปิดให้เยี่ยมชมกิจการดูขบวนการผลิตให้กับผู้สนใจทั่วไปที่มาเป็นกลุ่มคณะ เช่น กลุ่มลูกค้า นักศึกษา ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้ให้คนที่ต้องการเห็นเบื้องหลังสินค้าก่อนที่จะออกมาสู่ตลาด

จากการปรับแผนธุรกิจตลอดปี 2561 ทำให้บริษัทสามารถตั้งเป้ายอดขายปี 2562 ได้ โดยจะเติบโตอีกเท่าตัวจากที่มียอดขายต่อปีราว 400-500 ล้านบาท จะเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2562 โดยสินค้าที่ผลิตสัดส่วน 70% จะใช้แบรนด์ 'กรีนเดย์' และ 30% จะรับจ้างผลิต โดยผลผลิตมาจากโรงงาน 2 แห่ง ที่บางพลีและที่บางปู จ.สมุทรปราการ


พร้อมรับมือปัจจัยเสี่ยง!

สำหรับการแข่งขันในอุตสาหกรรมเดียวกันนี้ ยอมรับว่า "มีมากขึ้น" ผลิตภัณฑ์ 'กรีนเดย์' จำเป็นต้องเน้นจุดขายที่เฉพาะกลุ่มมากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภค เป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าให้แตกต่างไปจากคู่แข่ง และมั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวปี 2562 นี้ จะทำให้สินค้าได้รับการตอบรับดี


กรีนเดย์6

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปี 2562 มีปัจจัยเสี่ยงต่อการทำธุรกิจ แต่ 'กรีนเดย์' เตรียมพร้อมรับมือ เพื่อให้การเติบโตเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งในแง่กำลังคนที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากขึ้น โดยการนำมืออาชีพเข้ามาบริหารงาน รวมถึงคนในภาคการผลิตและฝ่ายการตลาด อีกทั้งลงระบบ ERP เป็นระบบซอฟต์แวร์

สำหรับการวางแผนการผลิตทั้งโรงงานให้มีประสิทธิภาพครอบคลุม ทั้งการผลิต คำสั่งซื้อ การขนส่ง ให้เป็นไปตามเวลาที่กำหนด รวมถึงการไม่พึ่งพาพืชเกษตรเพียงกลุ่มเดียว แต่จะกระจายความเสี่ยงไปในวัตถุดิบหลาย ๆ ตัว อีกทั้งเพิ่มขนาดห้องเย็นให้ใหญ่ขึ้น เพื่อสต๊อกวัตถุดิบสำหรับใช้ในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลของผักผลไม้แต่ละชนิด


กรีนเดย์5

"สอง" กล่าวทิ้งท้ายว่า จากความสำเร็จในวันนี้ ล้วนมาจากหลักในการทำธุรกิจที่ยึดว่า ความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภคนั้นเป็นสิ่งสำคัญ มองตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ พยายามผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ให้ถูกกลุ่มมากขึ้น และสร้างสีสันของหีบห่อให้น่าสนใจ เช่น กลุ่มเด็กก็จะชอบตัวการ์ตูน ดังนั้น การออกแบบบรรจุภัณฑ์จึงใส่ลวดลายการ์ตูนเข้าไป ส่วนกลุ่มผู้บริโภคที่ชอบออกกำลังกาย วัตถุดิบก็ต้องเลือกที่มีพลังงานสูง จึงมั่นใจว่า สินค้าที่ผลิตออกมาจะได้รับเสียงตอบรับกลับมาดีแน่นอนในปี 2562 นี้


หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,429 วันที่ 23-26 ธันวาคม 2561 หน้า 13


แอดฐานฯ