"5 สหกรณ์ยาง" รับอานิสงส์ "ช็อปช่วยชาติ" ขาย 7 บริษัท!!
"5 สหกรณ์ยาง" เด้งรับอานิสงส์ "ช็อปช่วยชาติ" ขณะยักษ์ล้อยางข้ามชาติดิ้นหวังเข้าร่วม แต่ตั้งแง่ยางต้องได้มาตรฐาน บริษัทแม่เสียเวลาส่งตรวจ 3 เดือน รองผู้ว่าการ กยท. เสียงแข็ง งบรัฐต้องซื้อตรง
จากมาตรการ "ช็อปช่วยชาติ" ของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2561 - 16 ม.ค. 2562 มีสินค้าเข้าร่วม 3 ประเภท ได้แก่ หนังสือ สินค้าโอท็อป และยางรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ โดยประชาชนที่ซื้อสินค้าดังกล่าวสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 1.5 หมื่นบาท ในส่วนของยางรถยนต์นั้น การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ยังวุ่นไม่จบ!!
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการ กยท. ด้านอุตสาหกรรมยางและการผลิต เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากมาตรการดังกล่าว ทาง กยท. ได้นำรายชื่อสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ 5 สหกรณ์ ได้แก่ 1.สหกรณ์กองทุนสวนยาง คลองปาง จำกัด 2.สหกรณ์กองทุนสวนยาง หนองบัว จำกัด 3.สหกรณ์กองทุนสวนยาง ปฏิรูปที่ดินท่าแซะ จำกัด 4.สหกรณ์กองทุนสวนยาง เขาซก จำกัด และ 5.สหกรณ์กองทุนสวนยาง บ่อทอง จำกัด เพื่อที่จะขายตรงยางพาราให้กับบริษัทผลิตยางล้อรถยนต์ เข้าร่วมโครงการจำนวน 7 บริษัท ได้แก่ บริษัท IRC จำกัด (บจก.), บจก.Maxxis, บจก.N.D Rubber, กลุ่ม บจก.ดีสโตน, กลุ่ม บจก.โอตานิ, บจก.จงเช่อ รับเบอร์ และกลุ่ม บจก.V-Rubber โดยมียอดสั่งซื้อยางรวมทั้งสิ้น 2,642,110 กิโลกรัม (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ธ.ค. 2561)
[caption id="attachment_364119" align="aligncenter" width="310"]
ณกรณ์ ตรรกวิรพัท[/caption]
"กยท. กำหนดเงื่อนไขให้บริษัทผู้ผลิตยางล้อทุกรายประสงค์จะเข้าร่วมโครงการช็อปยางช่วยชาติ จะต้องแสดงหลักการซื้อยางพาราวัตถุดิบในการผลิตยางล้อจากสถาบันเกษตรกร หรือ กยท. โดยตรง เช่นเดียวกับหลักการใช้ยางพาราทำถนน ซึ่ง กยท. จะออกหลักฐานเป็นคูปองให้บริษัทนั้น ๆ เพื่อใช้ในการร่วมโครงการ"
สำหรับโครงการนี้ต้องการช่วยเหลือชาวสวนยางตัวจริง แต่ยอมรับว่า "ล็อกสเปก" เพราะเป็นเงินรัฐบาลที่จะต้องซื้อนํ้ายางใหม่จากสหกรณ์เหล่านี้เท่านั้น ดังนั้น หากบริษัทใดทำได้ก็สามารถเข้าร่วมได้ทันที แต่ปัญหาของบริษัทยางล้อรายใหญ่บางรายที่ไปสั่งซื้อวัตถุดิบจากตลาดต่างประเทศ แล้วมารับวัตถุดิบในประเทศ ทั้งจากสถาบันเกษตรกร รวมถึงจาก 5 บริษัทผู้ค้ายางพารารายใหญ่ของไทย และมาอ้างว่า ไม่สามารถจะทำตามเงื่อนไขได้ เพราะเมื่อซื้อวัตถุดิบ คือ ยางพารา แล้วต้องส่งตัวอย่างไปให้บริษัทแม่ที่อยู่ต่างประเทศตรวจสอบคุณภาพและรับรองก่อน ซึ่งจะใช้เวลาไม่ตํ่ากว่า 3 เดือน ซึ่งเลยช่วงเวลาของโครงการช็อปช่วยชาติไปแล้ว
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,429 วันที่ 23-26 ธันวาคม 2561
จากมาตรการ "ช็อปช่วยชาติ" ของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2561 - 16 ม.ค. 2562 มีสินค้าเข้าร่วม 3 ประเภท ได้แก่ หนังสือ สินค้าโอท็อป และยางรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ โดยประชาชนที่ซื้อสินค้าดังกล่าวสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 1.5 หมื่นบาท ในส่วนของยางรถยนต์นั้น การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ยังวุ่นไม่จบ!!
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการ กยท. ด้านอุตสาหกรรมยางและการผลิต เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากมาตรการดังกล่าว ทาง กยท. ได้นำรายชื่อสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ 5 สหกรณ์ ได้แก่ 1.สหกรณ์กองทุนสวนยาง คลองปาง จำกัด 2.สหกรณ์กองทุนสวนยาง หนองบัว จำกัด 3.สหกรณ์กองทุนสวนยาง ปฏิรูปที่ดินท่าแซะ จำกัด 4.สหกรณ์กองทุนสวนยาง เขาซก จำกัด และ 5.สหกรณ์กองทุนสวนยาง บ่อทอง จำกัด เพื่อที่จะขายตรงยางพาราให้กับบริษัทผลิตยางล้อรถยนต์ เข้าร่วมโครงการจำนวน 7 บริษัท ได้แก่ บริษัท IRC จำกัด (บจก.), บจก.Maxxis, บจก.N.D Rubber, กลุ่ม บจก.ดีสโตน, กลุ่ม บจก.โอตานิ, บจก.จงเช่อ รับเบอร์ และกลุ่ม บจก.V-Rubber โดยมียอดสั่งซื้อยางรวมทั้งสิ้น 2,642,110 กิโลกรัม (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ธ.ค. 2561)
[caption id="attachment_364119" align="aligncenter" width="310"]
"กยท. กำหนดเงื่อนไขให้บริษัทผู้ผลิตยางล้อทุกรายประสงค์จะเข้าร่วมโครงการช็อปยางช่วยชาติ จะต้องแสดงหลักการซื้อยางพาราวัตถุดิบในการผลิตยางล้อจากสถาบันเกษตรกร หรือ กยท. โดยตรง เช่นเดียวกับหลักการใช้ยางพาราทำถนน ซึ่ง กยท. จะออกหลักฐานเป็นคูปองให้บริษัทนั้น ๆ เพื่อใช้ในการร่วมโครงการ"
สำหรับโครงการนี้ต้องการช่วยเหลือชาวสวนยางตัวจริง แต่ยอมรับว่า "ล็อกสเปก" เพราะเป็นเงินรัฐบาลที่จะต้องซื้อนํ้ายางใหม่จากสหกรณ์เหล่านี้เท่านั้น ดังนั้น หากบริษัทใดทำได้ก็สามารถเข้าร่วมได้ทันที แต่ปัญหาของบริษัทยางล้อรายใหญ่บางรายที่ไปสั่งซื้อวัตถุดิบจากตลาดต่างประเทศ แล้วมารับวัตถุดิบในประเทศ ทั้งจากสถาบันเกษตรกร รวมถึงจาก 5 บริษัทผู้ค้ายางพารารายใหญ่ของไทย และมาอ้างว่า ไม่สามารถจะทำตามเงื่อนไขได้ เพราะเมื่อซื้อวัตถุดิบ คือ ยางพารา แล้วต้องส่งตัวอย่างไปให้บริษัทแม่ที่อยู่ต่างประเทศตรวจสอบคุณภาพและรับรองก่อน ซึ่งจะใช้เวลาไม่ตํ่ากว่า 3 เดือน ซึ่งเลยช่วงเวลาของโครงการช็อปช่วยชาติไปแล้ว
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,429 วันที่ 23-26 ธันวาคม 2561
