ทางออกนอกตำรา : ‘เจ๊’ เผ่น...เพราะเป็น ‘ผู้ใช้ ผู้บงการ’ ผิดเท่า...ผู้ทุจริตจำนำข้าว

20 ธ.ค. 2561 | 13:59 น.
บากบั่น-112 TP14-เจ้แดงเยาวภาเงา ฮือฮา ซี้ดปาก กันทั้งประเทศ เมื่อมีข่าวว่า “เจ๊ จอมบงการ” หายตัวเข้ากลีบเมฆ ไม่ปรากฏกายทางการเมือง หลังกลุ่มวังบัวบานสลายจากเพื่อไทย ไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ข่าวยังบอกอีกว่า ขณะนี้ “เจ๊ จอมบงการ” หนีไปซุกเขมร ภายใต้ร่มเงา “ลูกเขย” โดยการช่วยเหลือของตำรวจนายหนึ่ง โดยไม่ผ่านออกตามด่านปกติ

เป็นปฏิบัติการเผ่น....หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมาเปิดเผยว่า คดีจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รอบ 2 ที่“เจ๊ด้ง-สุภา ปิยะจิตติ” เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนการกระทำผิดขายข้าวอีก 8 สัญญา จำนวน 14 ล้านตัน ที่ขายให้กับรัฐวิสาหกิจจีน 4 ราย จะสรุปความผิดในอีกไม่ช้านี้

หลังจากคนในคุก บุญทรง เตริยาภิรมย์ และคนอื่นในคดีจำนำข้าวรอบแรกที่ถูกศาลสั่งจำคุก 42 ปี ตกลงเป็นพยาน ซัดทอดความผิดมัดถึง “เจ๊ จอมบงการ” ว่าเป็น “ผู้ใช้”  ให้บงการอยู่หลังฉาก แลกกับการที่ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” ไม่ต้องจองจำอยู่ในคุก แต่มานอนพักรักษาอาการป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจแทน แม้ยังไม่ได้รับอิสรภาพ แต่การอยู่โรงพยาบาล ย่อมดีกว่านอนอยู่ในคุก
บ่วง-4

ข่าวที่ออกมาในขณะนี้บ้างว่า “เจ๊ จอมบงการ” หนีไปกบดานที่ดูไบบ้าง ไปอยู่ภายใต้การดูแลของลูกเขยในประเทศเพื่อนบ้านบ้าง แต่นั่นเป็นปลายเหตุจุดเช็กอิน ต้นทางคือ “เจ๊ จอมบงการ” หนีไปแล้วอีกคนหรือไม่ และหนีทำไม ในเมื่อไม่มีใครกล่าวโทษ หรือ ยังไม่มีใครตั้งข้อกล่าวหา “เจ๊” แม้แต่น้อย

อะไรทำให้ “เจ๊” กลายเป็น “เสือเผ่น” ทิ้งบ้าน ทิ้งสามี ท้องถิ่นที่อยู่อาศัยอันคุ้นเคย หายวับเข้ากลีบเมฆ “จีทูเจี๊ยะ รอบ 2” นี่้ความผิดและผลการสอบสวนมันเป็นอย่างไร ร้ายแรงขนาดไหนจึงต้อง....หนี!
สุรนัน

[caption id="attachment_363867" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]

บ่วง-1 ผมขอพาทุกท่านมาสัมผัสกับเรื่องราว “การขายข้าว” ในโครงการรับจำนำทุกเมล็ดในราคาตันละ 15,000 บาท และมีขบวนการทุจริตในการระบายข้าวที่รัฐจำนำออกไปให้กับกลุ่มพ่อค้าในราคาถูกที่สะท้านสะเทือนปฐพี ขนาดศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก “บุญทรง และพวกร่วม 20 คน” ไปเมื่อ 25 สิงหาคม 2560 แต่ยังมี “บ่วงกรรมจำนำข้าว” มาตามล้างตามเช็ดให้ระทึกขวัญอีก...

ข้อมูลจากป.ป.ช.ในการขายข้าวจีทูจี รอบ 2 ก๊อบปี้ในพฤติกรรมการขายข้าวจีทูจีชุดแรกมามิผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย แต่ เจี๊ยะกันมหาศาลกว่า เพราะจำนำมาตันละ 15,000 บาท แต่ขายออกไปให้บริษัทที่อ้างว่าเป็นรัฐวิสาหกิจจีนในราคาตํ่ากว่าที่จำนำมาถึงตันละ 9,000-10,000 บาท และข้าวที่ขายออกไปแบบจีทูจี มิได้ออกไปจากประเทศไทย แต่วนมาจำนำกับรัฐในราคาเกวียนละ 15,000 บาทอีกหลายระลอก เจี๊ยะกันสนั่นทุ่ง รับกันไปมากกว่าเกษตรกรชาวนาที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน

เรื่องราวการขายข้าวพิสดารที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2560 ได้ความว่า สัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐได้ทำไว้กับรัฐวิสาหกิจจีนทั้ง 4 แห่ง 14 ล้านตัน ใน 8 สัญญานั้น มีการขายแก่ 4 บริษัท 1. บริษัท Haikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co., Ltd. 2. บริษัท Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co., Ltd.

3. บริษัท Hainan Province Land Reclamation Industrial Development and Construction General Corporation 4. บริษัท Hainan land Reclamation Commerce and Trade Group Co., Ltd.

แต่ตามเงื่อนไขการขายข้าวแบบจีทูจี ผู้ที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายจะต้องเป็นรัฐบาลหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลเท่านั้น และหากเป็นการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็จะมีหน่วยงานที่เรียกว่า COFCO ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลเพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้น แต่สัญญาทั้ง 4 ทางคอฟโก้บอกว่า ไม่ใช่ผู้ได้รับมอบอำนาจจากคอฟโก้ให้ซื้อข้าวจากไทย

ประเด็นต่อมา จากการตรวจสอบเส้นทางการจ่ายเงินของ 4 บริษัท ปรากฏว่า ไม่มีการโอนเงินมาชำระค่าข้าวแต่อย่างใด จึงไม่น่าจะใช่ผู้ซื้อข้าวตัวจริง
บ่วง-2 ข้อมูลในการไต่สวนของป.ป.ช.พบว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูลนิติบุคคลรับอนุญาตและตัวแทนโอนเงินระหว่างประเทศซึ่งรายงานมายังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตั้งแต่ปี 2556-2557-2558 ไม่พบว่า 4 บริษัท มีการส่งเงินเข้ามาในประเทศไทย แต่กลับได้รับจาก “กลุ่มบริษัทผู้รับมอบอำนาจที่เป็นลูกช่วง” ที่เป็นบริษัทของคนไทย ประกอบด้วย 1.บริษัท อินเตอร์ลิงค์ อิมปอร์ต แอนด์ เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด, 2.บริษัท คอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด, 3.บริษัท แคปปิตอลซ์ เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท ซิมเปิ้ล เบสท์ เทรดดิ้ง จำกัด, 4.นางสาวกรรณิกา เพชรสุวรรณ์, 5.นายลิตร พอใจ Mrs. Shaoyan Gong และ Guoxiong Zhou

ร้ายเหลือกว่านั้นคือ สัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีกับ Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co., Ltd. ลงวันที่ 11 มกราคม 2556 ต่อมาในวันที่ 12 มกราคม 2556 บริษัท Haikou ได้มีหนังสือมอบอำนาจ ให้บริษัท คอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด ชำระเงินและรับมอบข้าวจากกระทรวงพาณิชย์

เมื่อมีการตรวจทานข้อมูลออกไป กลับพบว่า ในวันที่ 12 มกราคม 2556 นั้น บริษัท คอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด ยังเป็น “วุ้น” ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล เพราะได้ไปจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556 “รัฐบาลไทยทำนิติกรรมกับบริษัทลม”

ยังมีอีกในการขายข้าวรอบนี้ มีสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท Hainan เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2556 พิลึกกึกกือเอามากๆ และไม่เคยปรากฏว่า “มีใครหน้าไหนกล้าหาญชาญชัยไปกระทำมาก่อน” เพราะเขามอบอำนาจในการซื้อขายข้าวกันก่อนทำนิติกรรมบริษัทไห่หนานฯ รู้ได้อย่างไรว่า จะได้งาน…555

เมื่อป.ป.ช.ตรวจสอบเอกสารการชำระเงินให้กรมการค้าต่างประเทศพบว่า แคชเชียร์เช็คที่นำมาชำระค่าข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าว มีแคชเชียร์เช็คอยู่จำนวน 46 ฉบับ รวมเป็นเงิน 1,878 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระในชื่อของบริษัทจีน ปรากฏว่า แคชเชียร์เช็คชุดนี้ไม่ได้มีที่มาจากจีน ที่เป็นผู้ซื้อข้าวตามสัญญาแต่อย่างใด แต่กลับเป็นเงินซึ่งมาจากในประเทศ โดยแคชเชียร์เช็ค 40 ฉบับ เป็นเงิน 1,868 ล้านบาท จากทั้งหมด 46 ฉบับ มาจากเงินในบัญชีของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด, บริษัท สิราลัย จำกัด และ สุธี เชื่อมไธสง เครือข่ายของ บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง-หมอโด่ง ที่ถูกสั่งจำคุกไปและบางคนหนีคดีอยู่นั่นเอง

คณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.ได้สั่งให้กรมการค้าต่างประเทศ เก็บรักษาเงิน 1,878 ล้านบาทไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
บ่วง-3 แต่ทั้งหมดนั้นที่มีการไต่สวนเรื่องเอาผิดโดยคณะกรรมการป.ป.ช.นั้นพบว่า มีการเอาผิดบุคคลธรรมดา นิติบุคคล รวม 33 คน ไม่มีชื่อเจ๊ จอมบงการแม้แต่น้อย แล้วเจ๊ จอมบงการ จะกลายเป็นผู้ต้องหาใหญ่สุดได้อย่างไร ในเมื่อผู้ทำนิติกรรมและตัดสินใจทั้งหมดคือ “บุญทรง”

คำตอบคือ “เจ๊ จอมบงการ” เข้ามาพัวพันได้ “บุญทรงกับพวก” จะต้องให้การพาดพิงหลังติดคุก เพราะถึงตอนนี้ ป.ป.ช. ยังไม่มีการตั้งเรื่องกล่าวหาเจ๊แม้แต่น้อยมีแต่คำขู่ออกมาว่า กำลังได้ข้อสรุปจากการไต่สวน

ชาวบ้านทั่วไปบอกว่า ถ้ายังไม่แจ้งข้อกล่าวหาและเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาชี้แจงข้อกล่าวหา ถือว่าผิดกฎหมายป.ป.ช.แน่ จึงไม่มีเหตุที่ เจ๊ จะเผ่น

แต่ข่าวลึกลับในทางคดีนี้ พบว่า เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมากรรมการ ป.ป.ช.ผู้รับผิดชอบการไต่สวนได้บุกไปสอบปากคำ “เสี่ยฮุก-บุญทรง” ถึงในคุก และมีข่าวออกมาในพรรคเพื่อไทย-พรรคเพื่อธรรมว่า มีคำให้การว่า ‘เจ๊ จอมบงการ’ คือผู้ใช้ ผู้บงการ ให้บุญทรงและคณะกระทำทั้งหมด ก่อนจะมีข่าวออกมาว่า บุญทรงป่วยขอออกมารักษาตัวนอกคุก

อันว่าผู้ใช้ ผู้บงการ กฎหมายอาญาว่า ความผิดเสมอตัวการ

วันใดที่ป.ป.ช.กล่าวหา เจ๊ จอมบงการ และออกหมายเรียกเจ๊ให้มาแก้ข้อกล่าวหา วันนั้นอิสรภาพย่อมถูกจำกัด

ทางออกคือ เผ่น.....เพียงแต่เจ๊ ลืมไปว่า แม้จะเผ่น....แต่กระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ไม่ได้สะดุดหยุดลงด้วยเหตุผู้ถูกกล่าวหาไม่มาให้ปากคำ แต่อย่างใด

บ่วงกรรมจำนำข้าว ช่างร้ายเหลือจริงๆ

| คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา
| โดย : บากบั่น บุญเลิศ
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3428 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 20-22 ธ.ค.2561
595959859