ส.อ.ท. ชี้ "3 ปัจจัยเสี่ยง" กระทบเศรษฐกิจ-ส่งออก
สภาอุตฯ ชี้ 3 ปัจจัยเสี่ยง "สงครามการค้า-ดอกเบี้ยขาขึ้น-รัฐบาลใหม่" กระทบภาคธุรกิจ-ส่งออกไทย ปี 62 เป้าพาณิชย์โต 8% สุดท้าทาย
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปัจจัยเสี่ยงและโอกาสสำหรับประเทศไทยในปี 2562 ยังมีอยู่มาก โดยด้านปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ สงครามการค้าสหรัฐอเมริกา-จีน ที่ส่อจะยังยืดเยื้อต่อไป จะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้การส่งออกไทยในปี 2562 ขยายตัวลดลงจากปีนี้ โดยคาดจะขยายได้ไม่เกิน 5% จากเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์จะขยายตัวได้ที่ 8% ถือมีความท้าทาย จากปี 2561 คาดจะขยายตัวได้ที่ 8%
[caption id="attachment_362884" align="aligncenter" width="658"]
เกรียงไกร เธียรนุกุล[/caption]
ปัจจัยเสี่ยงต่อมา คือ อัตราดอกเบี้ยของโลกมีแนวโน้มขาขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายจะขยับขึ้นเป็น 3% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.25% ซึ่งปีหน้าอาจจะขยับขึ้นอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนเทขายหุ้นเพื่อนำเงินกลับไปสหรัฐฯ โดยตั้งแต่ต้นปี 2561 จนถึงปัจจุบัน นำเงินกลับสุทธิแล้วกว่า 2.8 แสนล้านบาท หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก เงินทุนก็จะเคลื่อนย้ายกลับไปสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งอาจจะกดดันทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน จะส่งผลกระทบทำให้ผู้ประกอบการแบกรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า
ขณะที่ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือน ก.พ. 2562 นักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติต้องรอดูว่า พรรคใดจะเป็นผู้ฟอร์มรัฐบาล หน้าตารัฐบาลจะเป็นอย่างไร ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีตามโควตา ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นว่า โครงการต่าง ๆ จะมีความต่อเนื่องหรือไม่
"ด้านโอกาสประเทศไทยในปี 2562 มองว่า โครงการอีอีซีและโครงการที่เกี่ยวเนื่องคงยังเดินหน้าต่อเนื่อง โดยใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ในอีอีซี รวมถึงอุตสาหกรรมบริการและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย ยังมองว่าจะยังเดินหน้าไปได้ดี แต่ที่ห่วง คือ สินค้าเกษตรที่ยังราคาตกตํ่า เช่น ยางพารา ปาล์มนํ้ามัน สับปะรด ต้องฝากเป็นการบ้านของรัฐบาลชุดใหม่ด้วย"
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,428 วันที่ 20-22 ธันวาคม 2561
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปัจจัยเสี่ยงและโอกาสสำหรับประเทศไทยในปี 2562 ยังมีอยู่มาก โดยด้านปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ สงครามการค้าสหรัฐอเมริกา-จีน ที่ส่อจะยังยืดเยื้อต่อไป จะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้การส่งออกไทยในปี 2562 ขยายตัวลดลงจากปีนี้ โดยคาดจะขยายได้ไม่เกิน 5% จากเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์จะขยายตัวได้ที่ 8% ถือมีความท้าทาย จากปี 2561 คาดจะขยายตัวได้ที่ 8%
[caption id="attachment_362884" align="aligncenter" width="658"]
ปัจจัยเสี่ยงต่อมา คือ อัตราดอกเบี้ยของโลกมีแนวโน้มขาขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายจะขยับขึ้นเป็น 3% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.25% ซึ่งปีหน้าอาจจะขยับขึ้นอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนเทขายหุ้นเพื่อนำเงินกลับไปสหรัฐฯ โดยตั้งแต่ต้นปี 2561 จนถึงปัจจุบัน นำเงินกลับสุทธิแล้วกว่า 2.8 แสนล้านบาท หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก เงินทุนก็จะเคลื่อนย้ายกลับไปสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งอาจจะกดดันทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน จะส่งผลกระทบทำให้ผู้ประกอบการแบกรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า
ขณะที่ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือน ก.พ. 2562 นักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติต้องรอดูว่า พรรคใดจะเป็นผู้ฟอร์มรัฐบาล หน้าตารัฐบาลจะเป็นอย่างไร ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีตามโควตา ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นว่า โครงการต่าง ๆ จะมีความต่อเนื่องหรือไม่
"ด้านโอกาสประเทศไทยในปี 2562 มองว่า โครงการอีอีซีและโครงการที่เกี่ยวเนื่องคงยังเดินหน้าต่อเนื่อง โดยใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ในอีอีซี รวมถึงอุตสาหกรรมบริการและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย ยังมองว่าจะยังเดินหน้าไปได้ดี แต่ที่ห่วง คือ สินค้าเกษตรที่ยังราคาตกตํ่า เช่น ยางพารา ปาล์มนํ้ามัน สับปะรด ต้องฝากเป็นการบ้านของรัฐบาลชุดใหม่ด้วย"
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,428 วันที่ 20-22 ธันวาคม 2561
