'อุตตม' ลงพื้นที่อีอีซี! ติดตามความคืบหน้า 4 โครงการ
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศาภาคตะวันออก (กบอ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเชื่อมโยงเศรษฐกิจพัฒนาวิถีชุมชน EEC อย่างยั่งยืน, โครงการท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3, โครงการท่าเรือพาณิชย์จุกเสม็ด และโครงการเมืองอัจฉริยะ "บ้านฉาง" ต้นแบบสมาร์ทซิตี้รองรับ EEC
โดย จ.ระยอง มีศักยภาพที่ดีอยู่แล้วในการเป็นเมืองผลไม้และเป็นเมืองท่องเที่ยว มีหาดทรายที่สวยงาม สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี การที่รัฐได้กำหนดให้เขตภาคตะวันออกเป็นเขตพัฒนาพิเศษ เพราะมีความพร้อมและสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงต้องการให้โครงการ EEC สร้างรากฐานความเจริญใหม่ให้กับ 3 จังหวัด เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนา EEC
ในส่วนของโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ล้วนแต่จะเป็นการส่งเสริมถึงแผนพัฒนาชาติตามยุทธศาสตร์ไทยแลน์ 4.0 มีการสร้างฐาน EEC ใหม่ ฐานแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจ การเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว สามารถยกระดับเพื่อการพัฒนาได้ เช่น การทำให้ผลผลิตมากขึ้น สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมเข้าสู่การแข่งขันในเวทีโลก พร้อมที่จะสร้างโอกาสใหม่ให้กับชุมชนและประเทศ การดูแลในเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่จะต้องรักษา ไม่ทำลาย โรงงานต้องอยู่กับชุมชนให้ได้ตามนโยบายที่ ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ว่า "โครงการ EEC ต้องตอบประชาชนได้อย่างชัดเจนว่า ประชาชนได้อะไร และไม่ทิ้งคนไทยไว้ข้างหลัง"
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 นั้น เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ โดยได้ย้ำให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และ EEC ต้องดูแลชุมชนและประชาชนอย่างใกล้ชิด ส่วนโครงการการพัฒนาท่าเรือพาณิชย์จุกเสม็ด เป็นการรองรับการพัฒนาเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ EEC ทั้งด้านเรือพาณิชย์และรองรับเรือเฟอร์รี่ ซึ่งได้มีการนาเสนอแผนงานความคืบหน้าของโครงการ
นอกจากนี้ ยังได้มีการรับฟังปัญหาต่าง ๆ จากชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ปัญหาปากท้อง กรรมสิทธิ์ที่ดิน รวมถึงการจัดตั้งโครงการบ้านฉาง สมาร์ทซิตี้ ว่า จะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จะต้องมีการตกลงกันว่าจะให้เป็นสมาร์ทซิตี้แบบไหน ซึ่งอยู่กระบวนการการศึกษาและวิเคราะห์ต่อไป
โดย จ.ระยอง มีศักยภาพที่ดีอยู่แล้วในการเป็นเมืองผลไม้และเป็นเมืองท่องเที่ยว มีหาดทรายที่สวยงาม สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี การที่รัฐได้กำหนดให้เขตภาคตะวันออกเป็นเขตพัฒนาพิเศษ เพราะมีความพร้อมและสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงต้องการให้โครงการ EEC สร้างรากฐานความเจริญใหม่ให้กับ 3 จังหวัด เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนา EEC
ในส่วนของโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ล้วนแต่จะเป็นการส่งเสริมถึงแผนพัฒนาชาติตามยุทธศาสตร์ไทยแลน์ 4.0 มีการสร้างฐาน EEC ใหม่ ฐานแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจ การเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว สามารถยกระดับเพื่อการพัฒนาได้ เช่น การทำให้ผลผลิตมากขึ้น สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมเข้าสู่การแข่งขันในเวทีโลก พร้อมที่จะสร้างโอกาสใหม่ให้กับชุมชนและประเทศ การดูแลในเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่จะต้องรักษา ไม่ทำลาย โรงงานต้องอยู่กับชุมชนให้ได้ตามนโยบายที่ ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ว่า "โครงการ EEC ต้องตอบประชาชนได้อย่างชัดเจนว่า ประชาชนได้อะไร และไม่ทิ้งคนไทยไว้ข้างหลัง"
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 นั้น เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ โดยได้ย้ำให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และ EEC ต้องดูแลชุมชนและประชาชนอย่างใกล้ชิด ส่วนโครงการการพัฒนาท่าเรือพาณิชย์จุกเสม็ด เป็นการรองรับการพัฒนาเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ EEC ทั้งด้านเรือพาณิชย์และรองรับเรือเฟอร์รี่ ซึ่งได้มีการนาเสนอแผนงานความคืบหน้าของโครงการ
นอกจากนี้ ยังได้มีการรับฟังปัญหาต่าง ๆ จากชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ปัญหาปากท้อง กรรมสิทธิ์ที่ดิน รวมถึงการจัดตั้งโครงการบ้านฉาง สมาร์ทซิตี้ ว่า จะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จะต้องมีการตกลงกันว่าจะให้เป็นสมาร์ทซิตี้แบบไหน ซึ่งอยู่กระบวนการการศึกษาและวิเคราะห์ต่อไป
