ไฟเขียว! ขึ้นค่ารถเมล์ 1 บาท มีผลตั้งแต่ 21 ม.ค. 62 เป็นต้นไป
คมนาคมเคาะไฟเขียว! ขึ้นค่ารถเมล์ 1 บาท มีผลตั้งแต่ 21 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป คนกรุงเทพฯ เฮ! รถร่วมฯ เตรียมขนรถเมล์ใหม่ 1,500 คัน ออกวิ่งรับประชาชน
นายพีระพล ถาวรสุขเจริญ อธิบดีกรมขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าปรับโครงสร้างค่าโดยสารสาธารณะนั้น ภายหลังจากประชุมร่วมกระทรวงคมนาคมแล้ว มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่ารถโดยสารรถเมล์ ทั้งรถเมล์ ขสมก. และรถเมล์เอกชนร่วมบริการ เริ่มจากรถโดยสารไม่ปรับอากาศ (รถร้อน) เพิ่มขึ้นอีก 1 บาท เช่นเดียวกับรถปรับอากาศให้ขึ้นระยะละ 1 บาทด้วย ส่วนกรณีรถที่มีการจัดซื้อมาของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแผนการปฏิรูปมีการซื้อรถที่อายุไม่ถึง 2 ปี มีการติดตั้งระบบ E-Ticket และ GPS รถดังกล่าวให้ปรับราคา โดยในส่วนของรถร้อน ค่าโดยสาร 12 บาท ส่วนรถปรับอากาศ 4 กิโลเมตรแรก คิดอัตราค่าโดยสาร 15 บาท ระยะหลังจากนั้นให้จัดเก็บ 25 ตลอดสาย โดยมีผลตั้งแต่ 21 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป นอกจากนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาให้ปรับราคารถ บขส. และรถร่วมบริการ บขส. ซึ่งที่ผ่านมา มีภาระจากการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และเมื่อมีการจ้างให้ TDRI ศึกษาก็ได้มีการนำเสนอข้อมูล ว่า รถหมวดดังกล่าวจำเป็นต้องมีการปรับค่าโดยสารขึ้นอีก 30% อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนมากเกินไป คณะกรรมการได้อนุมัติให้รถในหมวดดังกล่าวปรับราคาขึ้น 10% โดยให้มีผล 21 ม.ค. 2562 เช่นเดียวกัน
[caption id="attachment_361557" align="aligncenter" width="503"]
พีระพล ถาวรสุขเจริญ อธิบดีกรมขนส่งทางบก (ขบ.)[/caption]
นายพีระพล กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการจำนวนมากที่ต้องเดินรถในช่วงการจราจรติดขัดต้องประสบปัญหาขาดทุน มีการหยุดวิ่งให้บริการไปแล้วประมาณ 565 คัน จากรถที่มีอยู่ 3,712 คัน ในส่วนของเอกชนจะเห็นได้ว่า การที่ไม่ปรับอัตราค่าโดยสาร ทำให้รถออกนอกระบบไปแล้ว 18% และขณะเดียวกัน ที่มีการหยุดวิ่งและไม่ได้แจ้งไว้มีอีกประมาณ 1,000 คัน สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบให้ประชาชนต้องรอใช้บริการเป็นเวลานาน
นางภัทรวดี กล่อมจรูญ สมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางเอกชนร่วมบริการ (รถร่วมฯ) กล่าวว่า ขอขอบคุณกระทรวงคมนาคมที่ปรับขึ้นค่าโดยสารเพื่อลดภาระให้กับเอกชน ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะร่วมกัน หลังจากนี้จะไม่มีการเรียกร้องขึ้นค่ารถเมล์เก่าอีก แต่ผู้ประกอบการจะมุ่งไปเรื่องลงทุนซื้อรถใหม่เพื่อขอรับเงื่อนไข "รถใหม่ ราคาใหม่" จากรัฐบาล ซึ่งได้กำหนดไว้ที่ 15-25 บาท ดังนั้น หลังจากนี้จะเร่งสรุปแนวทางจัดซื้อและความเหมาะสมคุ้มค่าของโครงการ โดยมีแผนจะจัดซื้อรถใหม่มาวิ่งบริการทั้งหมด 1,500 คัน โดยจะเริ่มทยอยเปลี่ยนรถเมล์ล็อตแรก 100 คัน ภายในช่วงต้นปีหน้า หรือราว ม.ค. - มี.ค. 2562 ก่อนลงทุนให้ครบตามเป้าหมาย สำหรับรถเมล์ใหม่นั้นจะนำไปบรรจุในเส้นทางที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมากและเป็นเส้นทางที่มีผู้ถือสัมปทานเพียงรายเดียว
รายงานข่าวกระทรวงคมคมนาคมในวันที่ 18 ธ.ค. องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มีกำหนดการรับรถเมล์ใหม่ทั้งหมด 389 คัน ที่รับมอบจากคู่สัญญา ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้ประชาชนกรุงเทพมหานครกำลังจะมีรถเมล์ใหม่ทั้งของภาครัฐและเอกชน จำนวนทั้งสิ้นเกือบ 2,000 คัน
นายพีระพล ถาวรสุขเจริญ อธิบดีกรมขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าปรับโครงสร้างค่าโดยสารสาธารณะนั้น ภายหลังจากประชุมร่วมกระทรวงคมนาคมแล้ว มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่ารถโดยสารรถเมล์ ทั้งรถเมล์ ขสมก. และรถเมล์เอกชนร่วมบริการ เริ่มจากรถโดยสารไม่ปรับอากาศ (รถร้อน) เพิ่มขึ้นอีก 1 บาท เช่นเดียวกับรถปรับอากาศให้ขึ้นระยะละ 1 บาทด้วย ส่วนกรณีรถที่มีการจัดซื้อมาของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแผนการปฏิรูปมีการซื้อรถที่อายุไม่ถึง 2 ปี มีการติดตั้งระบบ E-Ticket และ GPS รถดังกล่าวให้ปรับราคา โดยในส่วนของรถร้อน ค่าโดยสาร 12 บาท ส่วนรถปรับอากาศ 4 กิโลเมตรแรก คิดอัตราค่าโดยสาร 15 บาท ระยะหลังจากนั้นให้จัดเก็บ 25 ตลอดสาย โดยมีผลตั้งแต่ 21 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป นอกจากนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาให้ปรับราคารถ บขส. และรถร่วมบริการ บขส. ซึ่งที่ผ่านมา มีภาระจากการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และเมื่อมีการจ้างให้ TDRI ศึกษาก็ได้มีการนำเสนอข้อมูล ว่า รถหมวดดังกล่าวจำเป็นต้องมีการปรับค่าโดยสารขึ้นอีก 30% อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนมากเกินไป คณะกรรมการได้อนุมัติให้รถในหมวดดังกล่าวปรับราคาขึ้น 10% โดยให้มีผล 21 ม.ค. 2562 เช่นเดียวกัน
[caption id="attachment_361557" align="aligncenter" width="503"]
นายพีระพล กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการจำนวนมากที่ต้องเดินรถในช่วงการจราจรติดขัดต้องประสบปัญหาขาดทุน มีการหยุดวิ่งให้บริการไปแล้วประมาณ 565 คัน จากรถที่มีอยู่ 3,712 คัน ในส่วนของเอกชนจะเห็นได้ว่า การที่ไม่ปรับอัตราค่าโดยสาร ทำให้รถออกนอกระบบไปแล้ว 18% และขณะเดียวกัน ที่มีการหยุดวิ่งและไม่ได้แจ้งไว้มีอีกประมาณ 1,000 คัน สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบให้ประชาชนต้องรอใช้บริการเป็นเวลานาน
นางภัทรวดี กล่อมจรูญ สมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางเอกชนร่วมบริการ (รถร่วมฯ) กล่าวว่า ขอขอบคุณกระทรวงคมนาคมที่ปรับขึ้นค่าโดยสารเพื่อลดภาระให้กับเอกชน ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะร่วมกัน หลังจากนี้จะไม่มีการเรียกร้องขึ้นค่ารถเมล์เก่าอีก แต่ผู้ประกอบการจะมุ่งไปเรื่องลงทุนซื้อรถใหม่เพื่อขอรับเงื่อนไข "รถใหม่ ราคาใหม่" จากรัฐบาล ซึ่งได้กำหนดไว้ที่ 15-25 บาท ดังนั้น หลังจากนี้จะเร่งสรุปแนวทางจัดซื้อและความเหมาะสมคุ้มค่าของโครงการ โดยมีแผนจะจัดซื้อรถใหม่มาวิ่งบริการทั้งหมด 1,500 คัน โดยจะเริ่มทยอยเปลี่ยนรถเมล์ล็อตแรก 100 คัน ภายในช่วงต้นปีหน้า หรือราว ม.ค. - มี.ค. 2562 ก่อนลงทุนให้ครบตามเป้าหมาย สำหรับรถเมล์ใหม่นั้นจะนำไปบรรจุในเส้นทางที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมากและเป็นเส้นทางที่มีผู้ถือสัมปทานเพียงรายเดียว
รายงานข่าวกระทรวงคมคมนาคมในวันที่ 18 ธ.ค. องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มีกำหนดการรับรถเมล์ใหม่ทั้งหมด 389 คัน ที่รับมอบจากคู่สัญญา ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้ประชาชนกรุงเทพมหานครกำลังจะมีรถเมล์ใหม่ทั้งของภาครัฐและเอกชน จำนวนทั้งสิ้นเกือบ 2,000 คัน
