หุ้นแบงก์แกร่งรับดบ.ขึ้น

17 ธ.ค. 2561 | 02:30 น.
 

โบรกมองธนาคารใหญ่ BBL KBANKน่าสนใจ

หุ้นกลุ่มแบงก์ยังแข็งแกร่ง ต่างชาติมั่นใจทยอยสะสม จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีและราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดอื่น โบรกฯ ชี้สินเชื่อธุรกิจเติบโตโดดเด่น หลังโครงการใหญ่ของรัฐทยอยออกมาต่อเนื่องชี้ไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซัน แนะนำหุ้นธนาคารใหญ่อย่าง BBL, KBANK

ในปี 2561 ถือเป็นปีที่ค่อนข้างกดดันหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไม่น้อย โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีปัจจัยเข้ามากระทบกับผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ที่หายไป หลังจากมีการยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียม ทำให้เกิดการหารายได้ในช่องทางอื่นทดแทน นอกจากนี้ จากการคุมเข้มสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น แต่ด้วยความเชื่อมั่นในพื้นฐานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ยังคงแข็งแกร่งจากพื้นฐานที่ยังดี ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังมั่นใจ และทยอยเข้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง

นางสาวอุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากมีความได้เปรียบในด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งการถือครองระยะยาวยังสามารถทำได้ ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงดี ถึงแม้จะมีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยลง แต่ยังอยู่ในระดับ 4% ถือว่ายังมีการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะราคาหุ้นธนาคารเทียบมูลค่าตามบัญชี(P/BV) อยู่ที่ประมาณ 1.2 เท่า ราคาหุ้นถือว่าไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ MP17-3427-A

คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2562 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 215,195 ล้านบาท หรือเติบโต 5.1% จากปีนี้ที่คาดการณ์กำไรสุทธิอยู่ที่ 204,848 ล้านบาท หรือเติบโต 9.9% โดยในปีหน้าการเติบโตจะมาจากการปล่อยสินเชื่อที่คาดว่าจะอยู่ที่ 6% โดยเฉพาะในสินเชื่อรายใหญ่ที่เติบโตมากที่สุดจากความต้องการใช้เพื่อลงทุนในโครงการใหญ่ที่จะเริ่มทยอยออกมาทั้งภาครัฐและเอกชน ส่วนภาพรวมสินเชื่อยังเติบโตไม่โดดเด่น แต่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในสินเชื่อรายย่อยและรถยนต์

“ในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซันของสินเชื่อธนาคาร โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สินเชื่อรวมเติบโตที่ 3% จากทั้งปีนี้ที่คาดไว้ที่ 5% ส่วนใหญ่มาจากการที่ธนาคารขนาดใหญ่มีการปล่อยสินเชื่อในหลายโครงการ ทำให้รายได้ในไตรมาส 3 ที่ลดลง พลิกกลับมาขยายตัวได้ในไตรมาส 4 จากสินเชื่อรายใหญ่ นอกจากนี้ การเบิกใช้เงินจากบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ยังมีแนวโน้มมากขึ้น ถึงแม้รายได้ค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์จะลดลง แต่ยังมีในด้านอื่นๆ เข้ามาทดแทนได้”

สำหรับหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่น่าสนใจ คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) โดย BBL มีการเติบโตของสินเชื่อที่ดี ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะเติบโตที่ 5% มาจากสินเชื่อรายใหญ่ที่มีสัดส่วนมากกว่าครึ่งของพอร์ต หลังจากภาครัฐเกิดการลงทุน ทำให้เอกชนเกิดการลงทุนตาม นอกจากนี้ ยังมองว่าหากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย BBL จะได้รับประโยชน์จากสินเชื่อที่อยู่อาศัย ถึงแม้จะมีมาตรการควบคุมก็ตาม เนื่อง จากสินเชื่อรายย่อยส่วนใหญ่ของ BBL จะเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย

ขณะที่ KBANK ถึงแม้สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จะยังไม่ฟื้น และพอร์ตส่วนใหญ่ของ KBANK จะเป็นเอสเอ็มอีถึง 30% ก็ตาม แต่การขยายการปล่อยสินเชื่อทางช่องทางออนไลน์สามารถทำได้ดีกว่าธนาคารอื่น จากส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ของลูกค้าออนไลน์ที่อยู่ในอันดับต้นๆ และฐานลูกค้าเดิมที่มีบัญชีของ KBANK ทำให้ความสามารถในการปล่อยสินเชื่อช่องทางนี้มาทดแทนสินเชื่อเอสเอ็มอี และรายได้ค่าธรรมเนียมที่หายไปได้เป็นอย่างดี

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไทยพาณิชย์ จก. ระบุว่า การเติบโตของสินเชื่อเกิดขึ้นจากการที่ธนาคารขนาดใหญ่และกลาง นําโดย BBL และ KBANK ทั้งนี้ในแง่การเติบโต BBL เป็นธนาคารที่มีอัตราการขยายตัวของสินเชื่อในเดือนตุลาคมแข็งแกร่งที่สุด สะท้อนถึงการได้รับประโยชน์จากวัฏจักรการลงทุน

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,427 วันที่ 16-19 ธันวาคม 2561 595959859