เมื่อ AI ทำงานร่วมกับ Big Data อย่างมีประสิทธิภาพบนอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์และสมาร์ทโฟน ก็จะเริ่มส่งผลกระทบนับจากนี้ไปในธุรกิจต่าง ๆ ในหลายอุตสาหกรรม เช่น สื่อ, โทรคมนาคม, การบริการทางการเงิน, โลจิสติกส์, ค้าปลีก, การแพทย์และสุขภาพ ไปจนถึงการศึกษา ตามลำดับ โดยทั้งนี้ก่อนถึงจุด Tipping Point (จุดเริ่มต้นที่มีผลกระทบอย่างชัดเจน) ของ AI ในปี 2025 นั้น AI จะส่งผลอย่างมากและชัดเจนในช่วงปี 2023 เนื่องจาก World Economic Forum ได้วิเคราะห์ว่าเป็นช่วงเวลาที่ Big data จะถึงจุดทะยาน (Tipping Point) ในปีดังกล่าว และจะส่งผลกระทบในการพลิกผันรูปแบบอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในปีที่ AI และ Big Data ทะยานขึ้นพร้อมกันจนเกิดโมเมนตัมที่สุดในช่วงปี 2025
AI และ Data Analytics จะมีขีดความสามารถอันทรงพลังพร้อมกันในช่วงปี 2025-2030 จนอุตสาหกรรมรูปแบบดั้งเดิมจะถูกทำลายไปในหลายอุตสาหกรรม โดยปรากฎการณ์ดังกล่าวนักอนาคตศาสตร์มักเรียกว่า "การทำลายอย่างสร้างสรรค์ (Creative Destruction)" ทั้งนี้ เนื่องจาก AI จะสร้างงานรูปแบบใหม่จำนวนมากมาย โดยจากการวิเคราะห์ของ Gartner พบว่า จะมีงานในตำแหน่งรูปแบบใหม่มากกว่างานที่เอไอได้ทำลายให้หายไป
ประเทศสหรัฐอเมริกา จีน และรัสเซีย ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า จะเป็นผู้นำด้าน AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน ได้มีความชัดเจนว่า AI เป็นยุทธศาสตร์ของประเทศ ซึ่งจีนมีเป้าหมายว่าจะเป็นหนึ่งในด้าน AI ของโลกภายในปี 2030 จึงทำให้ประเทศสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศในยุโรปต่างหวาดระแวงที่ประเทศจีนจะครอบครองตลาดอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์และสามารถที่จะควบคุมการทำงานของเครือข่ายต่าง ๆ ในประเทศ จนทำให้สามารถที่จะโจมตีทางไซเบอร์ รวมทั้งยึดการทำงานบนระบบคลาวด์ของทั้งประเทศทุกประเทศได้อย่างง่ายดาย