"อินเด็กซ์ฯ" ชู "3s" เทรนด์อีเวนต์ปีหน้า

13 ธ.ค. 2561 | 15:34 น.
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ เผยเทรนด์อีเวนต์มาร์เก็ตติ้ง ปี 62 ประกอบด้วย 3s connecting ปีหน้าวางแผนขยายงานในรูปแบบ Own Project ทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุด ได้รับจัดงานใหญ่ระดับโลก "เวิลด์ เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ" พร้อมงานส่งท้ายปลายปีเคาต์ดาวน์ เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นปีที่ 8

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เทรนด์ของอีเวนต์มาร์เก็ตติ้ง ปี 2562 ประกอบไปด้วย 3s connecting คือ Strong, Sentimental และ Suddenly คือ ไอเดียต้องแรง เปี่ยมด้วยอารมณ์ และให้ความรู้สึกในทันที ขณะเดียวกันต้องเป็นอีเวนต์ที่เกิดจากไอเดียใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมและเชื่อมความรู้สึกของผู้บริโภคกับแบรนด์ได้ เพื่อให้เกิดกระแสและผลลัพธ์ทันที

ขณะเดียวกัน ในปีหน้าบริษัทได้วางแผนขยายฐานในงานประเภท Own Project รวมถึงงานที่เจาะไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทเชื่อว่า ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์มีแนวโน้มคึกคักมากขึ้น รวมถึงนักการตลาดต่างเริ่มใช้เม็ดเงินในการทำอีเวนต์ ประชาสัมพันธ์ และโปรโมชันกับแบรนด์ต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้ภาพรวมธุรกิจนี้จะเติบโตขึ้น 5-10% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ในด้านของผลประกอบการ บริษัทเชื่อว่ามีอัตราการเติบโตขึ้น เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนค่อนข้างรัดเข็มขัดในการจัดกิจกรรมพอสมควร แต่ในปีนี้ได้กลับมาอัดฉีดงบให้กับการจัดงานอีเวนต์มากขึ้น ทำให้ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์เติบโตขึ้น

 

[caption id="attachment_359551" align="aligncenter" width="352"] เกรียงไกร กาญจนะโภคิน เกรียงไกร กาญจนะโภคิน[/caption]

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Own Project ไลฟ์สไตล์ เทรดแฟร์ ในปีนี้ที่ผ่านมา อินเด็กซ์ได้จัดงานตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานกิโลรัน (KILORUN) ที่เน้นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลก ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ทำให้ในปีหน้าบริษัทมีแผนจะขยายไปในหลายเมืองสำคัญของเอเชีย

ล่าสุด บริษัทได้รับจัดงานใหญ่ คือ เวิลด์ เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ (World Expo 2020 Dubai) ซึ่งเป็นงานนิทรรศการนานาชาติระดับโลก ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 ต.ค. 2563 - วันที่ 10 เม.ย. 2564 ซึ่งถือเป็นการร่วมงานใหญ่ระดับโลกอีกครั้งของประเทศไทย เนื่องจากงานเวิลด์เอ็กซ์โปถือเป็น 1 ใน 3 งานใหญ่ของโลก เช่นเดียวกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและฟุตบอลโลก อีกทั้งในช่วงปลายปียังได้เตรียมจัดงานใหญ่เคาต์ดาวน์ บริเวณลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์อีกครั้ง ซึ่งปีนี้นับว่าเป็นปีที่ 8

นอกจากนี้ ยังมีงานเทรดแฟร์ที่ประเทศกัมพูชา เช่น แคมโบเดีย อาร์คิเทค แอนด์ เดคอร์ 2018 (Cambodia Architect & De,cor 2018) ขณะที่ ในประเทศเมียนมา เตรียมจัดงานเมียนมา ฟูดเบฟ (Myanmar FoodBev), งานเมียนมา รีเทล ซอร์ซซิ่ง เอ็กซ์โป 2018 (Myanmar Retail Sourcing Expo 2018) และงานเมียนมา บิลด์ แอนด์ เดคคอร์ 2018 (Myanmar Build & De,cor 2018) ถือเป็นการสร้างโอกาสและเจาะตลาดใหม่ ๆ

ทั้งนี้ ภาพรวมตลอดปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถือเป็นภาพรวมที่ดี ทั้งในรูปแบบของงานอีเวนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแบ่งสัดส่วนเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก 1.กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส สัดส่วนเป็น 88%, 2.กลุ่มครีเอทีฟ บิสิเนส ดีเวลอปเมนต์ สัดส่วน 7% และ 3.กลุ่มโอน-โปรเจ็กต์ (Own-Project) สัดส่วน 5% ขณะที่ ในปัจจุบันฐานลูกค้าของอินเด็กซ์ แบ่งสัดส่วนเป็น ภาคเอกชน 67% และภาครัฐบาล 33% โดยกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นลูกค้าในกลุ่มรีเทล ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมมีการแข่งขันกันสูงมาก รวมถึงกลุ่มประกันภัย


หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,426 ระหว่างวันที่ 13-15 ธันวาคม 2561



e-book-1-503x62-7-1-503x62